ครบรอบ 32 ปี การจากไปของ ‘สืบ นาคะเสถียร’ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่แลกการตื่นตัวของสังคมมาด้วยเสียงปืน
1 2 3…….32
ตัวเลขครบ 32 ปีที่เพิ่มขึ้น ในวาระการจากไปของ ‘สืบ นาคะเสถียร’ กับอุดมการณ์ป้องกันรักษาป่าไม้และสัตว์ป่า ที่เขาฝากไว้กับสังคม กำลังเดินไปข้างหน้าด้วยกันอยู่ไหมนะ?
เหตุการณ์สละชีพของอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นักวิชาการ และนักอนุรักษ์คนสำคัญ ในวันที่ 1 กันยายน 2533 เพื่อเรียกร้องสังคมให้ปกป้องผืนป่าและสัตว์ป่า ครบ 32 ปีแล้ว
สำหรับคนต่างรุ่นก็ต่างจดจำ ใครทันช่วงเวลาที่สืบเดินหน้ารณรงค์ผ่านงานวิชาการ คงคุ้นชินกับวาทะ “ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่าทุกตัว” ที่ถูกใช้เริ่มต้นการบรรยาย แต่หากใกล้ชิดในฐานะเพื่่อนร่วมงาน ประโยคดุดันอย่าง “ถ้ามึงจะยิงลูกน้องกู มึงมายิงกูดีกว่า” อาจจะอยู่ในความทรงจำยิ่งกว่า เพราะสืบต้องต่อสู้เพื่อบรรดาผู้พิทักษ์ป่าอยู่บ่อยครั้ง
และคนอีกไม่น้อยได้รู้จักสืบ ผ่านเพียงภาพถ่ายและตัวอักษร ดังนั้นกระดาษแผ่นน้อยที่บันทึกสั่งลา ฝากฝังงาน และถ่ายทอดความปรารถนาสุดท้ายจึงเป็นที่ติดตา
อย่างไรก็ดี จุดเชื่อมโยงหนึ่งที่ผู้คนทุกยุคสมัยรับรู้ร่วมกัน คือความอุดมสมบูรณ์ของป่าห้วยขาแข้ง ที่ถูกท้าทายด้วยการตัดไม้ และการล่าสัตว์ของผู้มีอิทธิพล แต่ท้ายสุดด้วยความทุ่มเท องค์การยูเนสโกพิจารณาให้ทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก
คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมายังคงปรากฏเหตุการณ์ตัดไม้ และฆ่าสัตว์ป่าอยู่หลายหน จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากปืนหนึ่งนัดที่สืบใช้แลกกับการตื่นตัวของสังคม เสียงจะแผ่วลงตามกาลเวลา
“ชีวิตใครใครก็รัก ท่านประจักษ์บ้างหรือไฉน โปรดเถิดจงเห็นใจ
สัตว์ป่าไซร้ก็เหมือนกัน” สืบ นาคะเสถียร 1 พฤษภาคม 2518
#สืบนาคะเสถียร #OnThisDay #TheMATTER