ผ่านมาเกือบ 7 เดือน นับตั้งแต่การประกาศ ‘ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ’ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา สถานการณ์สู้รบในยูเครนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะใกล้จะจบ แต่ล่าสุด ก็ดูเหมือนว่าสงครามกำลังจะมีจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่ง
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย เพิ่งประกาศออกทีวีวันนี้ (21 ก.ย. 2565) ว่ารัสเซียได้อนุมัติแผนการ ‘ระดมพลบางส่วน’ (partial mobilization) เพื่อเสริมกำลังการสู้รบในยูเครน และเป็นการตอบโต้ภัยจากตะวันตก ที่ “พยายามทำลายประเทศของเรา” โดยให้มีผลทันที
“เรากำลังพูดถึงการระดมพลบางส่วน นั่นคือ มีแค่พลเรือนที่อยู่ในกองกำลังสำรองเท่านั้นที่จะถูกเกณฑ์เป็นทหาร และมากไปกว่านั้น คือคนที่เคยทำงานให้กับกองทัพและมีความเชี่ยวชาญด้านการทหารและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วเท่านั้น” ปูตินย้ำ
ทางด้าน เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยต่อมาว่า จะมีการเรียกระดมพลเป็นจำนวน 300,000 นาย โดยจะต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านการทหารอยู่แล้ว และจะไม่มีการเรียกนักศึกษามาเป็นทหาร พร้อมกับเปิดเผยตัวเลขทหารที่เสียชีวิตในยูเครนล่าสุดว่า อยู่ที่ 5,937 นาย
ปูตินยังกล่าวหาโลกตะวันตกด้วยว่า ตะวันตกกำลังใช้นิวเคลียร์มาแบล็กเมล์รัสเซีย โดยชี้ว่า มีผู้แทนระดับสูงของประเทศใน NATO บางส่วนที่เคยออกแถลงการณ์ว่าอาจจะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับรัสเซีย
“ถึงผู้ที่ปล่อยให้ตัวเองออกแถลงการณ์ต่อรัสเซียแบบนั้นออกมา ผมอยากจะเตือนคุณว่า ประเทศของเรามีอาวุธทำลายล้างที่หลากหลาย และอาวุธบางอย่างก็ทันสมัยกว่าอาวุธของประเทศ NATO เสียอีก” ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าว
“ถ้าบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศของเราตกอยู่ในอันตราย แน่นอนว่าเราจะใช้เครื่องมือทุกวิถีทางที่อยู่ในมือของเรา เพื่อปกป้องรัสเซียและประชาชนของเรา” ก่อนที่ปูตินจะย้ำด้วยว่า “นี่ไม่ใช่การบลัฟ”
ปูตินยังประกาศสนับสนุนการลงประชามติผนวกดินแดนเข้ากับรัสเซีย ในดินแดนของยูเครนบางส่วนที่ถูกรัสเซียยึดครอง พร้อมกับย้ำว่า เป้าหมายในการทำสงครามของเรายังไม่เปลี่ยนแปลง คือการ ‘ปลดปล่อย’ ภูมิภาคดอนบาสจากการปกครองของยูเครน
สำหรับการลงประชามติผนวกดินแดน จะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันศุกร์นี้ (23 ก.ย. 2565) โดยจะมีขึ้นใน 4 ดินแดนทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน คือ ลูฮันสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การลงประชามติจะเป็นบันไดขั้นแรกสำหรับการผนวกดินแดนเหล่านี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งหลังจากนั้น รัสเซียก็จะอ้างได้ว่า การที่ฝ่ายตรงข้ามรัสเซียโจมตีดินแดนเหล่านี้ ถือว่าเป็นการโจมตีรัสเซียโดยตรง เป็นข้ออ้างให้รัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการตอบโต้ต่อไป
อ้างอิงจาก