ไม่กี่วันที่ผ่านมา เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) เพิ่งปล่อยผลงานใหม่ให้เราได้ฟังกัน ก่อนจะทุบสถิติอัลบั้มที่มียอดสตรีมมิงสูงสุดเป็นประวัติการณ์บน spotify ตอกย้ำว่าเธอคือหนึ่งในศิลปินชื่อดังระดับโลกที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งยุค
แต่ใต้ร่มเงาของความสำเร็จ mv เพลง Anti-hero ที่เพิ่งปล่อยมา กลับถูกวิจารณ์หนักว่าผลิตซ้ำความหมายเชิงลบต่อคำว่า ‘อ้วน’ และสะท้อนความ fatphobic หรืออาการกลัวคนอ้วน จนทำให้เธอต้องตัดต่อ mv ใหม่ ลบฉากที่มีคำว่าอ้วนทิ้งไป
ใน mv ต้นฉบับ มีฉากที่สวิฟต์ยืนบนเครื่องชั่งน้ำหนักที่มีข้อความระบุว่า ‘อ้วน’ แทนที่จะเป็นค่าน้ำหนักตามปกติ ขนาบข้างด้วยตัวเธออีกคนทำท่าที ‘ส่ายหัว’ ราวกับว่าผิดหวังกับสิ่งที่ปรากฎตรงหน้า
คำและท่าทีนำมาสู่คำวิพากษ์วิจารณ์ จนศิลปินสาวต้องตัดต่อใหม่ ปรับให้ฉากที่มีคำว่า ‘อ้วน’ หายไปจาก mv นั้น ซึ่งเป็นเอ็มวีที่เธอกำกับและเขียนบทเอง
คำวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ การตั้งคำถามถึงการผลิตซ้ำและสานต่อความคิดเห็นเชิงลบต่อความอ้วน เช่น ‘ทำไมความอ้วนถึงต้องกลายเป็นความผิดพลาดในชีวิต’ ‘มันสร้างบาดแผลและทำให้สังคมกลัวคนอ้วน’ เป็นต้น
ชีรา โรเซ่นบูธ (Shira Rosenbluth) นักบำบัดอาการกินอาหารผิดปกติ (eating disorder) ให้ความเห็นว่าเอ็มวีนี้ตอกย้ำ (อีกแล้ว) ว่าฝันร้ายที่สุดของทุกคน คือการกลายเป็นคนอ้วน
แต่ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ ก็ยังมีเสียงสนับสนุนจากคนบางกลุ่ม บางคนก็มองว่า เธอแค่เล่าถึงประสบการณ์การต่อสู้กับคำวิจารณ์เรือนร่างที่เคยเจอมาระหว่างอยู่ในวงการเท่านั้น
ซันนี้ ฮอสติน (Sunny Hostin) พิธีกรจากรายงานทอล์คโชว์ในสหรัฐฯ ก็บอกว่า คำวิจารณ์เหล่านี้ออกจะผิดจุดไปหน่อย เพราะมองว่าสวิฟต์แค่อธิบายประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งมันน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ผู้หญิงหลายคนต้องเจอด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ศิลปินเจ้าของ 11 รางวัลแกรมมี่ เคยเปิดประสบการณ์ถึงการต่อสู้กับรูปลักษณ์ร่างกายและพฤติกรรมกินอาหารที่ผิดปกติ (eating disorder) ผ่านสารคดีของตัวเอง ซึ่งเธอเคยยอมรับว่าตัวเองยอมอดอาหารเมื่อถูกวิจารณ์ถึงรูปลักษณ์
อ้างอิงจาก