วันนี้ (1 ธันวาคม 2565) ผู้แทนจาก 6 องค์กรวิชาชีพสื่อเข้ายื่นหนังสือต่อวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อขอให้ กสม. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสื่อมวลชนอย่างน้อย 4 คน ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเหตุปะทะกันระหว่างตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) กับผู้ชุมนุมกลุ่ม ‘ราษฎรหยุด APEC’ บริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชน
ธีรนัย จารุวัสตร์ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบและรับฟังข้อมูลเบื้องต้น ตนได้รับรายงานว่า ลักษณะอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมิได้เป็นเพียงแค่ ‘ลูกหลง’ หรือจังหวะชุลมุน แต่เป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนที่มีลักษณะขาดความยับยั้งชั่งใจ เช่น การใช้กระบองฟาดและรุมเตะผู้สื่อข่าว หรือการขว้างขวดแก้วจากแนวตำรวจมายังทิศทางของกลุ่มสื่อมวลชน จนทำให้มีช่างภาพบาดเจ็บบริเวณลูกตา เป็นต้น จึงสุ่มเสี่ยงว่าอาจจะเป็นการคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชนในการเสนอข่าวสารตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
การยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อปกป้องสิทธิ์ของสื่อมวลชน 4 คนที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุครั้งนี้เท่านั้น แต่เพื่อปกป้องสิทธิ์ของเพื่อนร่วมวิชาชีพสื่อทั้งหมด
“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องป้องกันมิให้เกิดเหตุในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก สื่อมวลชนภาคสนามทุกคน ทุกสังกัด จะได้สามารถปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างปลอดภัยและปราศจากการคุกคาม” ธีรนัยกล่าว
ธีรนัยเสริมว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้มีจุดประสงค์ให้ กสม. ตรวจสอบว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุและละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และจะมีการยื่นหนังสือไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในกระบวนการของตำรวจอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งในส่วนนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานวันเพื่อนัดพบ ผบ.ตร. หากได้วันและเวลาที่ชัดเจนแล้ว จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบในลำดับต่อไป
สำหรับ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อดังกล่าว ประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน (กมธ.กฎหมาย) สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญนายกรัฐมนตรี ผบ.ตร. ผบช.น. รวมถึงผู้การ คฝ. เข้าชี้แจงถึงเหตุสลายการชุมนุมในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งทำให้ทั้งประชาชนรวมถึงสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการสลายการชุมนุมดังกล่าวอาจไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 ที่ต้องขอคำสั่งจากศาลแพ่งก่อน แต่กลับมีการส่งตำรวจยศนายพันในกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มาเป็นผู้ชี้แจงแทน โดยมีการอ้างว่า เหตุปะทะดังกล่าวไม่ใช่การสลายการชุมนุมแต่เป็นการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า ความจริงทาง บช.น.ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อขอคำสั่งให้ยุติการชุมนุมแล้ว แต่เนื่องจากติดวันหยุดพิเศษ ศาลนัดไต่สวนวันรุ่งขึ้นแทน ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนบาดเจ็บ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความเครียดและกดดันจากการปฏิบัติงานของตำรวจ คฝ.ที่จุดดังกล่าวหรือไม่
ทาง กมธ.กฎหมาย ยังไม่พอใจคำชี้แจงและอยากเรียกผู้สั่งการรวมถึงผู้ปฏิบัติงานจริงๆ ให้มาชี้แจง จึงนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 ธันวาคม 2565
สำหรับการเดินหน้าให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รับผิดชอบจากเหตุดังกล่าว สลายการชุมนุมทำให้สื่อบาดเจ็บ ที่อาจเข้าข่ายผิดคำสั่งของศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ พ3683/2564 (คดีเรียกค่าเสียหายจาก สตช. กรณียิงกระสุนยางเข้าใส่สื่อมวลชนจนได้รับบาดเจ็บ) ศาลได้สั่งให้เรียกตัวแทน สตช. มาไต่สวนในวันที่ 17 มกราคม 2566
ทั้งนี้ นักข่าวของ The MATTER ถูกตำรวจ คฝ. เข้าทำร้ายในวันนั้น แม้จะใส่สัญลักษณ์ (ปลอกแขน) และตะโกนแจ้งว่าเป็นสื่อมวลชนแล้ว ก่อนจะพูดว่า “พวกกูเนี่ยของจริง มึงจำไว้”
ย้อนไปดูคลิปไลฟ์สดเหตุการณ์วันดังกล่าวกันได้
https://www.facebook.com/thematterco/videos/1331180424290098 (อยู่ระหว่างนาทีที่ 1-2)
https://www.facebook.com/northernpeasantfederation/videos/1311761699571412 (อยู่ราวชั่วโมงที่ 4:09)
#Brief #ความรับผิดชอบ #ตำรวจ #สลายม็อบ18พย #TheMATTER