กลับมาเป็นที่ถกเถียงกัน ว่าตกลงแล้ว AirTag เป็นตัวช่วยให้กับคนที่ขี้หลงขี้ลืม หรือเพิ่มความรู้สึกไม่ปลอดภัยกันแน่ หลังมีผู้หญิง 2 คนในสหรัฐ ยืนฟ้องต่อบริษัท Apple เพราะถูกแฟนเก่าใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ติดตามตัว จนทำให้พวกเธอรู้สึกหวาดกลัว
สำหรับคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มครั้งนี้ เกิดขึ้นในศาลของสหรัฐ จากผู้หญิง 2 คน จากซานฟรานซิสโก และนิวยอร์ก โดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ยื่นฟ้องในคดีนี้ เล่าว่า แฟนเก่าของเธอได้วาง AirTag ที่มีการทาสีและมัดใส่ถึงพลาสติกอีกชั้น ไว้ในช่องล้อยางรถของเธอ เพื่ออำพรางสายตา
ขณะที่ผู้หญิงอีกคนให้การว่า ถูกอดีตสามีท้าทายว่าเขาทราบตำแหน่งที่อยู่ของเธอ เพราะได้ใส่ AirTag ไว้ในกระเป๋าเป้ของลูก แม้ว่าเธอจะปิดการใช้งานของอุปกรณ์นั้นไปแล้ว แต่ไม่นานก็จะมี AirTag ชิ้นใหม่โผล่ขึ้นมาอีก ทำให้รู้สึกกลัวว่าจะถูกทำร้าย
ด้าน Apple ยังไม่ได้มีการตอบโต้อะไรต่อเรื่องนี้ แต่ก็มีคำกล่าวอ้างที่ว่า จริงๆ แล้วบริษัททราบตั้งแต่ก่อนวางจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นนี้แล้วด้วยซ้ำไป ว่ามันจะนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม เพราะพวกเขาได้พูดถึงเอาไว้ในวันเปิดตัวสินค้าว่า “AirTags ออกแบบมาเพื่อติดตามสิ่งของไม่ใช่ผู้คน”
ย้อนไปในปี 2021 Apple ได้เปิดตัวอุปกรณ์ AirTag ที่ใช้ตัวระบุตำแหน่งบลูทูธ ให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปติดสิ่งของต่างๆ เช่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์ แล็ปท็อป หรือแม้แต่รถยนต์ แต่หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็เตือนถึงอันตรายของมัน
นับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เกิดกรณีกล่าวหาว่า ถูกใช้ AirTag ติดตาม เพราะก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ผู้หญิงรายหนึ่งจากรัฐอินเดียนา ก็เคยถูกหาว่าใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ติดตามแฟน จนนำไปสู่การฆาตกรรม
อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงต้นปี Apple ระบุว่า ได้เพิ่มการป้องกันการถูกติดตาม ด้วยเสียงแจ้งเตือนหากมีข้อสงสัยว่าถูกติดตาม แต่ผู้ใช้งานบางส่วนก็เห็นว่า ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยขึ้น
อ้างอิง