กลายเป็นการปรับนโยบายครั้งใหญ่ของจีน แม้จะยังมีคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ภายในประเทศก็ตาม
หลังคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Commission) ของจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกระทรวง ประกาศเมื่อวานนี้ (26 ธันวาคม) ลดระดับความรุนแรงของโรค COVID-19 ส่งผลให้ต้องมีการปรับมาตรการหลายๆ อย่าง เช่น ยกเลิกการกักตัวหลังเข้าประเทศ
ประเด็นหลักคือ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ ‘NHC’ ประกาศเตรียมปรับระดับของ COVID-19 จาก ‘Class A’ ซึ่งเป็นโรคระบาด และต้องมีมาตรการที่รุนแรงกว่า ในฐานะ ‘novel coronavirus pneumonia’ มาสู่ ‘Class B’ ซึ่งมีความเข้มงวดน้อยกว่า ในฐานะชื่อ ‘novel coronavirus infection’ ส่งผลให้มาตรการต่างๆ ลดระดับลง โดยให้มีผลวันที่ 8 มกราคม 2023
นั่นหมายความว่า ผู้ที่เดินทางเข้า–ออกประเทศ หลังจากวันที่ 8 มกราคม จะไม่ต้องมีกักตัวอีกต่อไป อย่างไรก็ดี ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศยังคงต้องตรวจหาเชื้อ COVID-19 ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางอยู่ เพียงแต่ไม่ต้องแสดงผลให้กับสถานทูตหรือสถานกงสุลของจีน แต่สามารถโชว์ก่อนขึ้นเครื่องได้เลย
จุดประสงค์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาที่จีน โดยเฉพาะในการทำธุรกิจ เรียน หรือเยี่ยมครอบครัว แต่ประกาศล่าสุดไม่ได้มีการกล่าวถึงวีซ่านักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน NHC ก็ระบุว่า จะเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ โดยเน้นย้ำถึงการดำเนินการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
นอกจากนี้ เอกสารแผนโดยรวมของ NHC ยังระบุถึงมาตรการต่างๆ ที่จะเปลี่ยนไปหลังวันที่ 8 มกราคม อาทิ
- ยกเลิกมาตรการกักตัวในประเทศที่เกี่ยวกับการติดเชื้อ COVID-19
- ไม่ระบุผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ COVID-19
- ไม่แบ่งพื้นที่เสี่ยงต่ำ–เสี่ยงสูง
- ปรับการตรวจ PCR ให้ตรวจโดยสมัครใจ
- ปรับความถี่และเนื้อหาการรายงานข้อมูลการแพร่ระบาด
- ที่สำคัญคือ ยกเลิกการกักบริเวณ/กักตัว เพื่อควบคุมการเดินทางเข้าประเทศ ของทั้งผู้โดยสารและสินค้า
อ้างอิงจาก