เมื่อเกิดเหตุกราดยิง สิ่งที่รัฐบาลอิสราเอลกำลังทำไม่ใช่การเพิ่มมาตรการให้คนเข้าถึงปืนได้ยากขึ้น แต่พวกเขากำลังทำให้ปืนเข้าถึงง่ายเพื่อหวังว่าประชาชนจะสามารถใช้ปืนป้องกันตัวเอง
เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสะบาโตที่ประชาชนจำนวนมากเดินทางไปโบสถ์เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา มีชาวปาเลสไตน์ก่อเหตุกราดยิงที่โบสถ์ยิว ในเยรูซาเล็มตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ส่งผลให้เมื่อวานนี้ (30 มกราคม) ทางรัฐบาลอิสราเอลจึงประกาศนโยบายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงปืนได้ง่ายขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตัวเองได้
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อิตามาร์ เบน-กีเวีย (Itamar Ben-Gvir) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล ประกาศมาตรการให้เร่งออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธกับประชาชนกว่า 1,000 คน
“เมื่อประชาชนมีปืน เขาจึงจะสามารถป้องกันตัวเองได้” อิตามา กล่าว
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีความมั่นคงยังสัญญากับประชาชนว่าจะขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในพื้นที่เวสต์แบงก์ที่ถูกปาเลสไตน์ยึดครองเพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้
เหตุกราดยิงดังกล่าวเกิดขึ้น 1 วันหลังจากที่มีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหาร 9 คน ในขณะที่กองทัพอิสราเอลบุกตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการโจมตีตอบโต้กันอย่างหนัก โดยกลุ่มฮามาส (กลุ่มติดอาวุธของปาเลสไตน์ที่ปกครองฉนวนกาซ่า) ได้ยิงจรวดจากฉนวนกาซ่า ขณะที่อิสราเอลก็โต้กลับด้วยการโจมตีทางอากาศ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันในหลายๆ ประเทศก็ยังคงถกเถียงกันเรื่องการครอบครองอาวุธปืน ว่าควรให้ประชาชนครอบครองได้หรือไม่ รัฐควรเข้ามาคุมเข้มหรือไม่อย่างไร
งานวิจัยจาก American Journal of Public Health ระบุว่าคนเราจะหยิบสิ่งของใกล้มือมาเป็นอาวุธเสมอ และคดีฆาตกรรมโดยสมาชิกในครอบครัว ส่วนใหญ่มาจากบ้านที่มีปืน ด้วยเหตุนี้รัฐจึงควรควบคุมให้คนพกอาวุธปืนได้น้อยที่สุด ในขณะที่ John R. Lott ผู้รณรงค์เรื่องปืนให้ความเห็นว่า “การควบคุมปืนจะทำให้คนดีเคารพกฎหมายเสียเปรียบ เพราะต่อให้มีกฎหมายพวกอาชญากรก็ไม่คิดจะทำตามอยู่ดี นอกจากนี้ยังมีสถิติที่บอกว่า 75% ของปืนที่ใช้ก่อเหตุกราดยิงเป็นปืนที่ซื้อมาอย่างถูกกฎหมาย และต่อให้คนยิงไม่ได้ซื้อ เขาก็สามารถไปหยิบยืมจากเพื่อนหรือคนอื่นๆ ได้อยู่ดี ซึ่งตรงนี้กฎหมายลงไปควบคุมไม่ได้”
หลายครั้งเราอาจมองว่า การมีปืนจะช่วยป้องกันตัวเองเอง แต่งานศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่วิเคราะห์ข้อมูลในช่วงปี 2007-2011 พบว่า จากอาชญากรรมที่มีผู้เสียหายมากกว่า 14,000 คดี มีเพียง 1% เท่านั้น ที่มีการนำปืนมาใช้ในการป้องกันตัว โดยศูนย์วิจัยการควบคุมการบาดเจ็บของฮาร์วาร์ด (Harvard Injury Control Research Center) ยังพบว่าการใช้ปืนป้องกันตัวเองนั้น “เป็นเรื่องยากและไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการบาดเจ็บ มากกว่าการป้องกันรูปแบบอื่นๆ”
อ้างอิงจาก