ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 3 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทยอยกันออกแถลงการณ์คัดค้านการเร่งรัดผลักดันร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. (ซึ่งเราจะขอเรียกสั้นๆ ไม่ให้สับสนว่า ‘ร่าง พ.ร.บ.สื่อ’) ที่กำลังจะเข้าพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566
รายชื่อองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนที่ออกแถลงการณ์ทั้งหมด ประกอบด้วย
1.สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย (ออกแถลงการณ์วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566)
“..สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย จึงไม่เห็นความจำเป็นในการที่จะมีร่าง พ.ร.บ.สื่อ ให้สิ้นเปลื้องงบประมาณและทำหน้าที่ทับซ้อนกับองค์กรวิชาชีพสื่อและองค์กรที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสื่อของภาครัฐ ถ้ารัฐเห็นความสำคัญในการส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนตามที่ระบุไว้ในหลักการและเหตุผล รัฐควรส่งเสริมกลไกใช้สิทธิของประชาชนในการตรวจสอบสื่อทั้งในภาคจริยธรรมและกฎหมาย รวมไปจนถึงให้เสรีภาพในนำเสนอข้อมูลตรวจสอบการทำงานของรัฐอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อคนในวิชาชีพสื่อทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ รวมไปจนถึงการปกป้องผู้บริโภคสื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ไม่ได้คำนึงถึงจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าว..”
2.สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย (ออกแถลงการณ์เช้าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566)
“..ความพยายามจัดทำร่าง พ.ร.บ.สื่อ และผลักดันให้มีผลบังคับใช้ ด้วยข้ออ้าง ‘เพื่อเป็นหลักประกันความเป็นอิสระและเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน’ ตามที่ปรากฏในเจตนารมณ์ของการตราร่าง พ.ร.บ.นี้ อุปมาได้กับการ ‘สร้างภาพลวงตา’ ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ไม่เพียงต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้บทบัญญัติของกฏหมายกว่า 30 ฉบับ ทั้งกฏหมายอาญา กฏหมายแพ่ง รวมทั้งกฏหมายอื่นๆ ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะเท่านั้น แต่ยังถูกกำกับ และตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากภาคประชาสังคม และประชาชน โดยไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นในการตราร่าง พ.ร.บ.นี้..”
3.สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (ออกแถลงการณ์ค่ำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566)
“..สมาคมนักข่าวฯ เห็นว่ารัฐสภาควรคำนึงถึงการรับรู้ และความมีส่วนร่วมของสังคมที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายใดๆ โดยตรงในฐานะเจ้าภาพที่ย่อมรู้ว่ากฎหมายจะเข้าสภาช่วงเวลาใด สมควรที่จะกำหนดเวลาจัดเวทีสาธารณะล่วงหน้า เพื่ออธิบายให้เข้าใจในวงกว้างและก็ให้หลักประกันในหลักการที่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของสังคมที่เกี่ยวข้อง แต่กลับละเลยเหมือนไม่ให้ความสำคัญกับผู้ที่จะถูกบังคับใช้และเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ และมีทีท่าจะเร่งรีบรวบรัดให้กฎหมายออกมามีผลบังคับใช้ใน 3 วาระ..”
ที่แม้รายละเอียดการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สื่อ ของแต่ละองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนจะแตกต่างกันออกไป แต่มีจุดร่วมคือขอให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภายังไม่พิจารณาร่างกฎหมายนี้
หนึ่งในเหตุผลที่ 3 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนออกมาแถลงการณ์คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สื่อในช่วงเวลานี้ ทั้งที่บรรจุวาระรอพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตั้งแต่ปลายปี 2565 ก็เนื่องมาจากมีกระแสข่าวว่า จะถูกผลักดันให้ผ่าน ‘3 วาระรวด’ เพื่อให้ทันช่วงที่อายุสภาผู้แทนราษฎรเหลืออยู่ไม่มากก่อนการเลือกตั้ง จนทำให้คนวงการสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์
สำหรับปัญหาของร่าง พ.ร.บ.สื่อ The MATTER เคยเขียนถึงปัญหาไว้หลายครั้ง อาทิ กำหนดนิยามสื่อมวลชนไว้อย่างกว้างขวางจนรวมถึงประชาชนทั่วๆ ไปที่มีรายได้จากการสื่อสารด้วย, กำหนดให้เสรีภาพสื่อมวลชนอยู่ภายใต้หน้าที่ปวงชนและศีลธรรมอันดี, จัดตั้งองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนใหม่ขึ้นมา ผ่านการสรรหาในหมู่คนวงแคบ แต่อยู่ยาวได้ 4-8 ปีติดต่อกัน, ได้รับงบประมาณก้อนโตจากหน่วยงานภาครัฐ อันอาจเปิดช่องให้เข้ามาแทรกแซงได้ ฯลฯ โดยมีผู้ไปเปิดแคมเปญคัดค้านใน change.org และมีคนร่วมลงชื่อกว่า 2,000 รายชื่อ https://www.change.org/nomediabill
น่าจับตาว่า ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 จะดำเนินการอย่างไรกับร่าง พ.ร.บ.สื่อ
#Brief #พรบสื่อ #TheMATTER