เมื่อวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ทางตอนใต้และกลางของตุรกี และทางตะวันตกของซีเรีย ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกหลายครั้ง และโศกนาฏกรรมมากมาย ล่าสุด มียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 8,000 รายแล้ว
หนึ่งในโศกนาฏกรรม เกิดขึ้นในเมืองจินดิเรส ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย เมื่อมีแม่คนหนึ่งให้กำเนิดลูกสาวขณะที่กำลังเกิดแผ่นดินไหวได้ไม่นาน ก่อนที่ต่อมาแม่จะเสียชีวิต โดยมีรายงานด้วยว่า อาคารที่ครอบครัวอยู่อาศัยได้ถล่มลงมาเพราะแผ่นดินไหว คร่าชีวิตพ่อ พี่น้อง 4 คน และญาติอีก 1 คน
ในวิดีโอที่มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย จะเห็นชายคนหนึ่งอุ้มเด็กทารกแรกเกิดคนนี้อยู่ ซึ่งเปราะเปื้อนไปด้วยฝุ่น หลังจากที่เธอถูกดึงออกมาจากซากปรักหักพังที่เคยเป็นอาคาร 4 ชั้น ก่อนที่ชายอีกคนจะวิ่งเอาผ้าห่มมาห่ม และชายคนที่ 3 ตะโกนหารถพาเธอไปโรงพยาบาล
“เราได้ยินเสียงขณะที่เรากำลังขุดอยู่” คาลิล อัลซูวาดี (Khalil al-Suwadi) ญาติของครอบครัว กล่าวกับสำนักข่าว AFP
“เราเคลียร์ซากออก จากนั้นก็พบเด็กทารกที่มีสายสะดืออยู่ เราก็เลยตัดมันออก และลูกพี่ลูกน้องของผมก็พาเธอไปโรงพยาบาล”
เด็กทารกคนนี้ถูกส่งไปเข้ารับการรักษาในเมืองอาฟรินซึ่งอยู่ใกล้เคียง ในขณะที่ญาติๆ พยายามค้นหาศพของคนในครอบครัวที่เสียชีวิตต่อไป ล่าสุด แพทย์บอกว่าตอนนี้เธอมีอาการคงที่แล้ว แต่มีบาดแผลและรอยบาดเต็มตัว พร้อมกับมีภาวะตัวเย็น จึงต้องคอยอบอุ่นร่างกายและให้แคลเซียม
ขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว ทั้งในซีเรียและตุรกี พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างน้อย 7,926 ราย บาดเจ็บอีกเกือบ 40,000 ราย
ข้อมูลจากรัฐบาลตุรกีระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 5,894 ราย บาดเจ็บ 34,810 ราย ขณะที่ SANA สื่อรัฐบาลซีเรีย รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 812 ราย บาดเจ็บ 1,449 รายในพื้นที่ของรัฐบาลซีเรีย ส่วนองค์กรอาสาสมัคร หมวกขาว (White Helmets) ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 1,220 ราย บาดเจ็บ 2,600 ราย ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียซึ่งควบคุมโดยกลุ่มกบฏ
อ้างอิงจาก