เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า ตะวัน—ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และแบม—อรวรรณ ภู่พงษ์ เพิ่งย้ายมาปักหลักอดอาหารต่อเนื่องที่บริเวณหน้าศาลฎีกา เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องขังทางการเมืองและปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
ในวันนี้ (26 กุมภาพันธ์) ทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นตัวแทน 2 นักกิจกรรม แถลงการณ์ว่า ขณะนี้ทั้งคู่มีอาการน่ากังวล กล่าวคือ ความดันต่ำ หน้ามืด อ่อนเพลีย ค่าเลือดไม่ดี ซึ่งหมอประเมินว่าควรส่งกลับโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อมทันที ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่ไม่เหมาะสม และทั้งคู่ไม่ได้รับสารอาหารทางสายยางอีกแล้ว
“การรับประทานน้ำที่ผสมสารอาหารเข้าไป มันกินได้น้อย ก็มีผลให้ค่าบางอย่างที่เกิดจากการสลายไขมันและโปรตีนตัวเองมาใช้ มันสูงจนเลือดจะเป็นกรด ที่อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้” กฤษฎางค์กล่าว อย่างไรก็ดี ตะวันและแบมเลือกที่จะไม่กลับโรงพยาบาลและเดินหน้าอดอาหารต่อ
เหตุที่อดอาหารต่อ ทนายความจากศูนย์ทนายฯ ให้ข้อมูลว่า เพราะตะวันและแบมรู้ข่าวที่ศาลฎีกายังไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทางการเมืองชั่วคราว ประกอบกับอยากเรียกร้องถึงหลักการที่ว่าผู้ต้องหาคดีอาญายังบริสุทธิ์ตราบใดที่ยังไม่ถูกพิพากษาว่ามีความผิด มากกว่าแค่การปล่อยตัวผู้ต้องขัง
นอกจากอัพเดทอาการ กฤษฎางค์บอกด้วยว่า ตะวันและแบมจะยื่นหนังสือขออนุญาตประธานศาลฎีกา ว่าจะไปอดอาหารประท้วงหน้าอนุสาวรีย์กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ด้วยเหตุผล 3 ข้อ ได้แก่
1. จุดที่อดอาหารเดิม แม้จะไม่ได้กีดขวางการจราจร แต่ก็อาจทำให้ประชาชนที่มีกิจธุระกับศาลไม่ได้รับความสะดวกได้
2. ตะวันและแบมมีคนโทรศัพท์มาบอกให้ ‘ระวังตัว อยู่ตรงนี้อันตราย’ ทั้งยังมีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาขว้างขวดใส่เตนท์อดอาหาร ขณะที่คนรอบตัวของ 2 นักกิจกรรมถูกข่มขู่ว่า ‘ให้ระวังตัวให้ดีถ้าอยู่ตรงนี้ เพราะมันพลุกพล่าน’ ดังนั้น การย้ายไปอยู่จุดนั้นอาจปลอดภัยกว่า เพราะมีรั้วรอบขอบชิด
3. จุดนั้นเป็นอนุสรณ์รำลึกการต่อสู้ของนิสิตนักศึกษา เพื่อปลดปล่อยศาลจากรัฐบาลเผด็จการทหารในอดีต เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระของตุลาการ ซึ่งตะวันและแบมมองว่าก็กำลังต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระของตุลาการเหมือนกัน
ซึ่งหากทั้งคู่ไหว อาจจะเข้าไปยื่นหนังสือขออนุญาตต่อประธานศาลฎีกาเองในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (27 กุมภาพันธ์) แต่ถ้าไม่ไหว อาจส่งตัวแทนไป
เมื่อโดนถามถึงรายละเอียดที่เข้าข่ายการข่มขู่คุกคาม กฤษฎางค์อธิบายมากกว่าหนึ่งตัวอย่าง เช่น ตำรวจไม่อนุญาตให้รถส้วมสาธารณะของ กทม. มาจอดใกล้ๆ กับจุดอดอาหาร โดยให้เหตุผลว่าถ้าจอดแถวนี้ ห้องน้ำอยู่ใกล้พระรางวังหลวงเกิน 150 เมตร
แม้กระทั่งตัวทนายเองก็ได้รับสายจากคนแปลกหน้า โดยมีสายปริศนาโทรมาบอกว่า “ให้เตือนเด็กด้วยนะ บอกให้ระวัง ตรงนั้นมันอันตรายนะ เคยเห็นรถเขวี้ยงระเบิดปิงปองหรือหินเข้าไปไหม”
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/i/broadcasts/1PlJQpZNQNqGE