“เพียงแค่เติมไข่แดงลงไปในผลงาน ก็สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติอันน่าทึ่งของสีน้ำมันได้”
ใครจะเชื่อว่าภาพวาดอันโด่งดังจะมีไข่แดงผสมอยู่ด้วย! เมื่อนักวิจัยค้นพบโปรตีนจากไข่แดงในภาพวาดสีน้ำมันของศิลปินชื่อดังหลายท่าน อาทิ เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ซันโดร บอตตีเชลลี (Sandro Botticelli) และแร็มบรันต์ (Rembrandt) ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ทำไมผลงานศิลปะในยุคเรอแนซ็องส์นั่นเป็นเอกลักษณ์น่าจดจำมากกว่ายุคอื่นๆ
ขอเล่าก่อนว่าการใช้โปรตีนจากไข่แดงในภาพวาด น่าจะเกิดขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 7 ในเอเชียกลาง ก่อนที่จะแพร่หลายไปยังยุโรปเหนือในช่วงยุคกลาง และอิตาลีในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือเรอแนซ็องส์
โอเฟลี ร็อวเกต์ (Ophélie Ranquet) นักวิจัยจากสถาบันวิศวกรรมกระบวนการทางกลฯ แห่งเมืองคาลส์รูเออในเยอรมนีกล่าวว่า เราตรวจพบโปรตีนที่ตกค้างในภาพเขียนสีน้ำมันคลาสสิกมานานแล้ว แต่มันถูกระบุว่า เป็นเพียงการปนเปื้อนเท่านั้น ไม่ใช่หนึ่งในส่วนผสมในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้เรากลับพบว่า การรวมโปรตีนจากไข่แดงและสีน้ำมันเข้าไว้ด้วยกันนั่นทำโดยเจตนา และปฏิกิริยาเคมีระหว่างน้ำมัน เม็ดสี และโปรตีนในไข่แดงยังส่งผลโดยตรงต่อความหนืดของสี ซึ่งร็อวเกต์กล่าวว่า “เช่น เม็ดสีขาวตะกั่วค่อนข้างไวต่อความชื้น แต่ถ้าคุณเคลือบด้วยชั้นโปรตีนจากไข่ จะทำให้สีขาวมีความทนทานมากขึ้น”
ทั้งนี้ ผลงานที่มีการปรากฏของโปรตีนจากไข่แดงในสีน้ำมันอย่างชัดเจนที่สุด คือ ภาพวาด ‘แม่พระแห่งดอกคาร์เนชัน’ (Madonna of the Carnation) ของเลโอนาร์โด ดา วินชี เพราะผลงานชิ้นนี้แสดงให้เห็นรอยย่นบนใบหน้าของพรแมรี่และเด็กอย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุที่ปริมาณเม็ดสีในภาพวาดไม่เพียงพอ หรือเกิดจากการหลีกเลี่ยงที่จะเติมไข่แดงลงไปในส่วนนั้น
“มันค่อนข้างน่าทึ่ง เพราะ…ไข่แดงสามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของผลงานได้” นอกจากนี้ ยังมีภาพวาดที่ชื่อว่า ‘การคร่ำครวญถึงพระคริสต์ที่ตายแล้ว’ (The Lamentation Over the Dead Christ) โดยศิลปินบอตตีเชลลี ที่ถูกค้นพบว่ามีโปรตีนผสมอยู่ด้วยเช่นกัน
“มีแหล่งข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก และไม่มีงานทางวิทยาศาสตร์ใดที่เคยตรวจสอบเรื่องนี้ในเชิงลึกมาก่อน ดังนั้น การค้นพบในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ไข่แดงธรรมดาๆ นี้แหละก็สามารถให้ผลลัพธ์อันน่าทึ่งกับผลงานศิลปะ” ร็อวเกต์กล่าว
ไม่เพียงเท่านี้ นักวิจัยยังลองเทียบไข่กับสีน้ำมันที่ศิลปินชาวตะวันตกใช้กับสิ่งที่ชาวอียิปต์โบราณเรียกว่า ‘เทมเพอรา (Tempera)’ ซึ่งก็คือการผสมไข่แดงกับผงสีและน้ำเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ดี ผลของการเปรียบเทียบปรากฏว่า สีน้ำมันของศิลปินชาวตะวันตกจะมีสีที่เข้มข้นกว่า ผสมง่าย ทั้งยังแห้งเร็วกว่ามาก
การค้นพบในครั้งนี้ช่วยให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความรู้ด้านเทคนิคของเหล่าศิลปินชาวยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 มากขึ้น โดยมาเรีย เพอร์ลา โคลอมบินิ (Maria Perla Colombini) ศาสตราจารย์ด้านเคมีวิเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยปิซาในอิตาลีกล่าวว่า “การวิจัยนี้น่าสนใจมาก เพราะเป็นการพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการวาดภาพแบบเก่า และความรู้ใหม่นี้ยังช่วยให้เข้าใจประวัติศาสตร์ศิลปะให้มากขึ้นอีกด้วย”
อ้างอิงจาก