สวีเดน ประเทศสแกนดิเนเวีย ดินแดนแห่งอิเกีย (IKEA) และปรัชญาลากอม (Lagom) คือหนึ่งใน 78 กว่าประเทศทั่วโลก ที่มีระบบนิติบัญญัติแบบสภาเดียว (unicameralism) แทนที่จะเป็นระบบสองสภา (bicameralism) แบบที่ 112 ประเทศกำลังใช้อยู่
แต่ก่อนหน้านั้น สวีเดนเองก็เคยใช้ระบบสองสภาอยู่ร้อยกว่าปี นับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐสภาในยุคสมัยใหม่ ที่เรียกว่า ‘ริกส์ดอก’ (Riksdag) เมื่อปี 1866 ที่แบ่งเป็นสภาสูง (Första Kammaren แปลตรงตัวคือ ‘สภาแรก’) และสภาล่าง (Andra Kammaren แปลตรงตัวคือ ‘สภาที่สอง’)
ทั้งสองสภาถูกยกเลิกไปเมื่อปี 1970 รัฐสภาสวีเดนถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นระบบสภาเดียวจากนั้นเป็นต้นมา
นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการปฏิรูปรัฐสภาให้เป็นระบบสภาเดียว ซึ่งยังคงทำงานด้านนิติบัญญัติอย่างแข็งขันจนถึงทุกวันนี้
ก่อนที่จะถูกยุบ สมาชิกสภาสูงจำนวนทั้งหมด 151 คน จะถูกแต่งตั้งเข้ามาวาระละ 8 ปี ด้วยการเลือกตั้งทางอ้อมจากสภามณฑล (landsting) และสภาเทศบาล (stadsfullmäktige) ซึ่งในช่วงก่อตั้งแรกๆ สภาสูงยิ่งไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะจะมีแค่ผู้ชายที่มีเกณฑ์อายุและรายได้ตามที่กำหนดไว้เท่านั้นถึงจะมีสิทธิสมัครรับการเลือกตั้ง จึงถูกมองว่าเป็นสภาที่เป็นตัวแทนของ ‘ผู้มีการศึกษาและคนรวย’
ขณะที่สภาล่างในช่วงก่อนปฏิรูปรัฐสภา มีสมาชิกทั้งหมด 223 คน วาระละ 4 ปี มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ซึ่งในช่วงแรก ก็ยังมีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาล่าง แต่หลังจากสวีเดนพัฒนาให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้ง (universal suffrage) ในปี 1921 ประชาชนทั้งชายและหญิงจึงจะมีสิทธิเลือกตั้ง
จนกระทั่งปี 1970 ภายหลังการแก้ไขกฎหมายกลไกของรัฐบาล (Instrument of Government) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 กฎหมายรัฐธรรมนูญพื้นฐานของสวีเดน รัฐสภาสวีเดนก็กลายมาเป็นระบบสภาเดียวในท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้มีความเป็นสมัยใหม่และเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ระบบสภาเดียวของรัฐสภาสวีเดน แรกเริ่มประกอบไปด้วยสมาชิก 350 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งหมด รวมไปถึงแม้กระทั่งสภามณฑลและสภาเทศบาลที่เคยเป็นกลไกในการเลือกตั้งสภาสูงก่อนหน้านี้ก็ถูกปรับให้มีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงด้วย
หลังจากนั้นมา ระบบสภาเดียวของสวีเดนยังคงทำงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หากจะมีปัญหา ก็มีแค่เรื่องจำนวนสมาชิก 350 คน ซึ่งเป็นเลขคู่ ทำให้การลงมติบางครั้งมีจำนวนเห็นชอบ–ไม่เห็นชอบแบบครึ่งๆ จนประธานรัฐสภาต้องใช้วิธีจับฉลาก กระทั่งตอนหลัง ก็ตกลงให้ลดจำนวนสมาชิกเหลือ 349 คน ตั้งแต่ปี 1977 เป็นต้นมา
อ้างอิงจาก