“แม้ว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนไป แต่ว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลยังไม่เปลี่ยนแปลง นั่นไม่ใช่ใครยังคงเป็น คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คนเดิม”
นี่เป็นคำพูดของ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ ที่กล่าวย้ำในกิจกรรม ‘ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน’ วันนี้ (24 กันยายน) ท่ามกลางสมาชิกพรรคทั่วประเทศมารับฟังยุทธศาสตร์ของพรรคหลังจากนี้ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1
ชัยธวัชเริ่มต้นด้วยคำถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบเผด็จการทหาร ไปสู่ระบบประชาธิปไตยอย่างช้าๆ? “เกรงว่าไม่เป็นเช่นนั้น” เป็นความเห็นของหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่
โดยชัยธวัชชี้ถึงปัญหาของระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ เอาไว้ ดังนี้
1 การใช้อำนาจ : กองทัพ ตุลาการภิวัฒน์ และอำนาจนอกระบบ อยู่เหนืออำนาจของประชาชน ซึ่งทำให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่นั้นไม่เคารพเสียงและอำนาจของประชาชน
2 รัฐราชการรวมศูนย์ : เป็นระบบที่ปิดทับศักยภาพของสังคมไทย ทำให้เกิดการทุจริต ขาดความรับผิดชอบต่อประชาชน ซึ่งนโยบายกระจายอำนาจของรัฐบาลที่ชุดใหม่มาด้วยรูปแบบผู้ว่าฯ CEO
3 ทุนใหญ่ : ไทยมีทุนใหญ่ผูกขาดระบบเศรษฐกิจ ทำให้ไม่สามารถส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ ใครอยากจะโตต้องสร้างเส้นสาย ทั้งภาคโทรคมนาคม พลังงาน ค้าปลีก เป็นต้น “หลังการเลือกตั้งเราก็เห็นกลุ่มทุนใหญ่ กลุ่มทุนผูกขาดกลายมาเป็นผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง”
4 นิติรัฐอภิสิทธิ์ : ภายใต้วัฒนธรรมการเมืองแบบจารีตที่ส่งเสริมสังคมเหลื่อมล้ำต่ำสูง “ความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมายของทุกคนไม่มีอยู่จริง” มีไว้เพียงพิทักษ์รักษาคนบางกลุ่มไม่ใช่สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของทุกคน “เมื่อท่านน้อมรับ ท่านก้มหัว ท่านจะได้รับความกรุณาปรานี”
“ถ้านายพลจะลากรถถัง เอาอาวุธมาฉีกรัฐธรรมนูญ ยึดอำนาจ ไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ถ้าท่านโพสต์เฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ในแบบที่ผู้มีอำนาจไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยิน ท่านอาจจะต้องติดคุกเป็น 10 ปี หรือไม่ก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต” หัวหน้าพรรคก้าวไกลให้ความเห็นถึงการเมืองแบบชนชั้นนำ
ชัยธวัช กล่าวถึงคำพูดตลกที่ว่า ‘อย่าคิดมากให้ถือว่าเรามาอาศัยเขาอยู่’ นั่นถึงเป็นต้นเหตุของความเชื่อว่า “ประชาชนไม่สามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ในประเทศนี้ได้ ยกเว้นเจ้าของบ้านตัวจริงอนุญาตเท่านั้น”
โดยที่ผ่านมาสังคมไทยอาจเดินหน้ามาได้ แต่ด้วยกระแสโลกยุคใหม่ที่ผันผวนอย่างรุนแรง ชัยธวัช ชี้ว่า นี่เป็นโจทย์สำคัญแห่งยุคสมัยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ต่อไป การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชนเริ่มสร้างความหวัง
นำมาสู่ 5 ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล คือ
– ภารกิจสำคัญของพรรคก้าวไกล คือ สร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง
– ฝ่ายค้านในสภาฯ ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ่วงดุลฝ่ายบริหาร
– เดินหน้าด้วยการเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก
– ตรึงพื้นที่เก่า รุกพื้นที่ใหม่ พื้นที่ใดที่ยังไม่ชนะเลือกตั้ง
– ผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
อ้างอิงจาก
youtube