การเป็น 1 ใน 930 คน ที่ได้รับการพักโทษในรอบเดือนนี้ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จนนำมาซึ่งข้อครหาในหลากประเด็น ทั้งที่เป็นขั้นตอนตามระเบียบปกติ สิ่งนี้กำลังอธิบายอะไรกับสังคมไทย?
“นี่คือกระบวนการยุติธรรมที่คนมีความเชื่อและศรัทธาน้อยลงเรื่อยๆ พอมีอะไรเกิดขึ้นเล็กน้อย ไม่ว่าจะเพราะตัวคน หรือเหตุการณ์ที่เกิดผิดที่ผิดทาง ทำให้คนคิดว่ามีปัญหาแน่อย่างที่เคยเกิดเป็น ‘ปกติ’” ข้ออธิบายของ มุนินทร์ พงศาปาน อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ในวันที่ The MATTER มีโอกาสพูดคุย ก่อนที่อีกไม่กี่วันทักษิณอาจได้รับการปล่อยตัว หลังครบกำหนดรับโทษนอกเรือนจำ กำลังชวนทุกคนตอบคำถามที่ข้างคาใจไปทีละข้อ
นี่คือเอกสิทธิ์ที่ไม่ใช่ว่าใครจะมีเสมอกัน?
“ทุกคนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดก็ควรจะมีสิทธิ์เหมือนกัน” นับเป็นหลักการพื้นฐานที่ อ.มุนินทร์ ยกขึ้นมาย้ำถึงประการแรก เพื่อย้ำเตือนให้ทุกคนมองภาพกระบวนการยุติธรรมแบบที่ควรจะเป็นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
“เราคงไม่สามารถพูดได้ว่า นี่เป็นกระบวนการที่มีปัญหาหรือสร้างขึ้นมาเพื่อคุณทักษิณเป็นการเฉพาะ ทั้งหมดคือการกระบวนการปกติ เพียงแต่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูง”
ทั้งกรณีของการขอพระราชทานอภัยโทษ การขอพักโทษ ล้วนแต่เป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาทุกคนสามารถทำได้ ตามคำยืนยันของอาจารย์ด้านกฎหมายรายนี้ รวมถึงกรณีคดี ม.112 ของทักษิณที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะนำไปสู่การฝากขังต่อหรือไม่นั้น เขาก็ยังไม่เห็นเหตุผลจำเป็นที่จะไม่ได้รับการประกันตัวหากมีการร้องขอ
“คดี (ม.112) ยังอยู่ในขั้นตอนที่ต้องพิสูจน์ความผิด ยังคงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน ถ้าว่ากันตามมาตรฐานของการพิจารณาคดีอาญา คุณทักษิณก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการประกันตัว และได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ต้องหาคดี ม.112”
อ.มุนินทร์ ชี้ว่า จังหวะเวลาอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กระบวนการกลับบ้านของทักษิณถูกจับตา นับแต่ 22 สิงหาคม 2566 ที่ถึงไทยซึ่งก็เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง รวมถึงเกิดขึ้นก่อนการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองทั้งหมด
และเมื่อสถานการณ์ดำเนินมาเช่นนี้ จึงเป็นจุดตั้งต้นของข้อเรียกร้องต่อมา
สนับสนุนนิรโทษกรรมประชาชน
ย้อนกลับไป ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 จนทำให้มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายที่ออกโดยคณะรัฐประหาร หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติจำนวนมาก ซึ่งอดีตนายกฯ ทักษิณ ก็นับเป็นเหยื่อทางการเมืองคนหนึ่งเช่นกันตามความเห็นของ อ.มุนินทร์
“ต้องยอมรับว่าในทางนิติศาสตร์ กระบวนการทางกฎหมายทั้งหมดมีตำหนิ มีข้อบกพร่องอยู่ คดีของคุณทักษิณก็ด้วย ที่ดูเหมือนจะผ่านกระบวนการกระบวนการตามปกติ แต่จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ปกติ และก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้คดีได้ตามปกติในหลายครั้ง”
อย่างไรก็ดี อ.มุนินทร์ ระบุว่า หากคนในสังคม โดยเฉพาะนักการเมืองยอมรับร่วมกันว่ากระบวนการทางกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2549 มีปัญหาและก่อให้เกิดเหยื่อทางการเมืองจริง ฉะนั้นจึงมีความชอบธรรมที่คนเหล่านั้นจะมีโอกาสเข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาเสียใหม่ ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งพรรครัฐบาลเองก็ควรเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง
“จริงๆ ถ้าใช้กระบวนการร่วมกันทั้งหมดอย่างนิรโทษกรรม คุณทักษิณก็เป็นคนหนึ่งที่ควรมีโอกาสได้รับความเป็นธรรม เพื่อตัดปัญหา ล้างข้อครหา ล้างข้อสงสัยในกรณีของคุณทักษิณ พรรคเพื่อไทยก็ควรจะเดินหน้าเต็มที่กับการขับเคลื่อนประเด็นนิรโทษกรรม”
สะท้อนความเคลือบแคลงต่อกระบวนการยุติธรรมไทย
“กระบวนการยุติธรรมเรามันไม่ปกติ จนเป็นปกติ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดอะไรขึ้นที่น่าสงสัยคนก็เลยเชื่อไปในทางไม่ดีเสียก่อน”
ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะอาจารย์ผู้สอนกฎหมาย บอกเหล่าปัญหาที่แท้จริงของประเด็นทักษิณกลับบ้าน ที่ไม่ใช่เพียงความเคลือบแคลงที่เจาะจงบุคคลแล้วจบไปเท่านั้น
“ผมเชื่อว่าถ้ากระบวนการที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณ เกิดขึ้นพร้อมๆ นักโทษทางการเมืองคนอื่น ในบริบทของการนิรโทษกรรมทั้งหมด พูดถึงคนทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ มันจะดูมีความชอบธรรมและลดข้อสงสัยได้มากกว่า เพราะทุกคนควรเข้าถึงกฎหมายเท่าเทียมกัน และเสมอภาคกัน” อ.มุนินทร์ ระบุ