คนที่เบียดเสียด เชิงเขาที่เต็มไปด้วยขยะเกลื่อนกลาด และนักปีนเขาที่สวมรองเท้าแตะ คือปัญหาส่วนหนึ่งที่พบในบริเวณ ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ จนกลายเป็นปรากฏการณ์นักท่องเที่ยวล้นเกิน (overtourism) และทำให้สภาพของภูเขาฟูจิเสื่อมลง
ด้วยเหตุนี้ ในจังหวัดยามานาชิจึงประกาศกฎใหม่ว่า ตั้งแต่วันนี้ (1 กรกฎาคม 2567) เป็นต้นไป นักปีนเขาจะต้องจ่ายเงินคนละ 2,000 เยน (ประมาณ 460 บาท) เพื่อปีนเขา และจำกัดจำนวนนักปีนเขาสูงสุด 4,000 คนต่อวันนอกจากนี้จะมีไกด์คนใหม่คอยดูแลความปลอดภัยตามเส้นทางการปีน ถ้าหากนักปีนเขาละเมิดกฎ กติกา มารยาท เช่น นอนหลับข้างทาง จุดไฟ หรือสวมเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม ไกด์เหล่านี้จะเข้าตักเตือนทันที
“เพื่อเป็นการรับประกันว่าภูเขาไฟฟูจิซึ่งเป็นสมบัติของโลก จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน เราจะส่งเสริมมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวดสำหรับการปีนภูเขาไฟฟูจิ” คูทาโร นางาซากิ ผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิ กล่าวเมื่อประกาศกฎระเบียบใหม่นี้
อย่างไรก็ดี กฎใหม่นี้จะมีผลเฉพาะในจังหวัดยามานาชิ ซึ่งเป็นบริเวณเส้นทางยอดนิยมในการปีนภูเขาไฟฟูจิเท่านั้น ในขณะที่เส้นทางอื่นๆ อย่างในจังหวัดชิซุโอกะ ยังไม่มีนโยบายการเก็บเงินหรือการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ซึ่งนางาซากิระบุว่า หลังจากสิ้นสุดฤดูการปีนเขา จะนำข้อมูลสถิติที่ได้จากการบังคับใช้กฎนี้เข้าไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดชิซุโอกะต่อไป
ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ภูเขาไฟฟูจิเท่านั้นที่เริ่มประสบปัญหานักท่องเที่ยวล้น เพราะตั้งแต่ค่าเงินเยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 38 ปี ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศจำนวนมาก ที่แม้ดูเหมือนเป็นผลดีกับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น แต่คนในท้องถิ่นต้องเผชิญความยากลำบากในการรับมือกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากจนเกินไป
จากสถานการณ์นี้ นางาซากิให้ความเห็นว่า ญี่ปุ่นควรมุ่งเน้นการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายมาก มากกว่าที่จะเน้นปริมาณนักท่องเที่ยว
หลังจากนี้สถานการณ์การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไรต่อไป และจะแก้ไขสถานการณ์นักท่องเที่ยวล้นได้หรือไม่ จึงเป็นประเด็นที่น่าติดตามต่อไป
อ้างอิงจาก
#ญี่ปุ่น #TheMATTER