เมื่อวานนี้ (4 กรกฎาคม 2024) เป็นวันเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ ซึ่งได้ปิดหีบและเริ่มต้นการนับคะแนนราว 04.00 น. ของวันนี้ (5 กรกฎาคม 2024) ตามเวลาไทย โดยโพลล่าสุดจากสำนักข่าวบีบีซี (BBC) เปิดเผยว่าพรรคแรงงาน (Labour Party) ของเคียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้ง โดยคาดการณ์ว่าอาจได้ที่นั่งในสภาฯ ราว 410 ที่นั่ง จากทั้งหมด 650 ที่นั่ง และจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก หลังจากพรรคอนุรักษนิยม (Conservative Party) ครองสภาฯ มานานกว่า 14 ปี
“เราทำได้แล้ว!” เคียร์ สตาร์เมอร์กล่าวถึงชัยชนะของพรรคแรงงานในการเลือกตั้ง พร้อมกับกล่าวต่อว่า “การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้น ณ บัดนี้”
การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ริชิ สุนาค (Rishi Sunak) จากพรรคอนุรักษนิยม ได้ประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปเร็วขึ้น จากกำหนดเดิมที่ต้องจัดในเดือนมกราคม 2025 ส่วนหนึ่งหลายฝ่ายมองว่า เป็นเพราะพรรคอนุรักษนิยมกำลังได้รับความนิยมลดลง จากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือเศรษฐกิจของอังกฤษ ที่อัตราเงินเฟ้อต่ำลงต่อเนื่อง
“ตอนนี้เป็นเวลาสำหรับอังกฤษในการเลือกอนาคต” สุนาคกล่าว ในวันประกาศเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วกว่าเดิม
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ โพลจากสำนักข่าวบีบีซีคาดการณ์ว่าพรรคอนุรักษนิยมจะได้ที่นั่งในสภาฯ วาระต่อไปราว 144 ที่นั่ง โดยพรรคอื่นๆ อย่างพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democrats) อาจได้ราว 66 ที่นั่ง และพรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Party หรือ SNP) 8 ที่นั่ง
ว่าที่นายกฯ คนต่อไปของอังกฤษเป็นใคร?
เคียร์ สตาร์เมอร์ อายุ 61 ปี เป็นอดีตทนายความ ที่ได้รับแต่งตั้งให้มียศอัศวิน จากการรับราชการในกระบวนการยุติธรรมมาอย่างยาวนาน โดยหนึ่งในนโยบายที่พรรคแรงงานระบุว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สุด คือการจัดการ ‘วิกฤตค่าครองชีพ’ พร้อมกับสร้าง ‘เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ’ ของประเทศ ที่เคียร์เคยกล่าวว่ารัฐบาลจากพรรคแรงงานจะเป็นรัฐบาลชุดที่ ‘สนับสนุนธุรกิจและแรงงาน’ (pro-business and pro-worker)
อีกทั้งพรรคแรงงานให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามนโยบายการคลังที่เข้มงวด โดยการสร้างหนี้สาธารณะจะให้ความสำคัญกับการลงทุนมากกว่าการใช้จ่ายของรัฐบาล ทั้งนี้พรรคแรงงานจะมุ่งทำให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ในระยะยาว
แม้ว่าผลการเลือกตั้ง ณ ขณะนี้ จะชัดเจนแล้วว่าพรรคแรงงานจะเป็นรัฐบาลใหม่ของอังกฤษ โดยการนำของว่าที่นายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ แต่สิ่งที่ทั่วโลกต้องติดตามต่อจากนี้คือ นโยบายของรัฐบาลซ้ายกลางชุดใหม่จะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของอังกฤษอย่างไร หลังจากที่พรรคอนุรักษนิยมเป็นผู้นำมากว่า 14 ปี
อ้างอิงจาก