จะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าเราได้อาศัยอยู่ใน ‘เมือง 15 นาที’ ที่ไม่ว่าต้องการจะไปโรงเรียน โรงพยาบาล ร้านค้า หรือบริการสำคัญต่างๆ ก็สามารถเดินหรือปั่นจักรยานไปถึงได้ในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น
ผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Cities เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2024 พบว่า จากเมืองทั้งหมดทั่วโลก มีเพียง 10,000 เมืองเท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่ม ‘เมือง 15 นาที’
นักวิจัยใช้ open data เพื่อคำนวณระยะทางเฉลี่ยที่ผู้คนต้องเดินหรือปั่นจักรยานเพื่อไปยังจุดบริการที่จำเป็น เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงเรียน โรงพยาบาล และสวนสาธารณะ แลนำมาะคำนวณสัดส่วนของผู้อยู่อาศัยที่สามารถเข้าถึงสิ่งจำเป็นเหล่านี้ได้โดยสะดวก
ผลจากการศึกษา ระบุว่า เมืองต่างๆ เช่น ซูริค ในสวิตเซอร์แลนด์ และดับลิน ในไอร์แลนด์ มีบริการสำคัญที่เข้าถึงได้ภายใน 15 นาทีสำหรับผู้อยู่อาศัยมากกว่า 95% ดังนั้นถ้าไม่ใช่วันที่ขี้เกียจจริงๆ หรืออากาศร้อนจนไม่อยากเดิน ภาพของชาวยุโรปที่เดินไปไหนมาไหนก็กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้จนเป็นปกติ
กลับกันในเมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เรื่องนี้คงฟังดูเพ้อฝัน เพราะจากผลการศึกษาชิ้นเดียวกัน เปรียบเทียบระหว่างเมืองซูริกกับซานอันโตนิโอ พบว่าชาวเมืองซูริก 99.2% อาศัยอยู่ห่างจากบริการที่จำเป็น ไม่เกิน 15 นาที ในขณะที่ชาวเมืองซานอันโตนิโอมีเพียง 2.5% เท่านั้นที่เดินไปถึงบริการจำเป็นได้
แมททีโอ บรูโน (Matteo Bruno) นักฟิสิกส์จาก Sony Computer Science Laboratories ในกรุงโรม และหัวหน้าคณะผู้จัดทำผลการศึกษา กล่าวว่า “เมื่อเราพิจารณาผลลัพธ์ เราประหลาดใจถึงความไม่เท่าเทียมกันอย่างมากระหว่างเมืองเหล่านี้”
เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ให้มากยิ่งขึ้น นักวิจัยเลือกเมืองมา 54 แห่งเพื่อสำรวจโดยละเอียด พบว่าเมืองที่เข้าถึงบริการจำเป็นได้มากที่สุด คือเมืองขนาดกลางในยุโรป เช่น ซูริก มิลาน โคเปนเฮเกน และดับลิน โดยผู้อยู่อาศัยมากกว่า 95% สามารถเข้าถึงบริการจำเป็นได้ภายใน 15 นาที ในขณะที่เมืองที่อยู่ท้ายตารางเป็นเมืองในอเมริกาเหนือ ซึ่งต้องพึ่งพารถยนต์อย่างมาก เช่น ซานอันโตนิโอ ดัลลาส แอตแลนตา และดีทรอยต์
จึงจะเห็นได้ว่า เมืองเล็กๆ มักจะได้คะแนนดีกว่าอย่างไม่น่าแปลกใจ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป อย่างในเมืองใหญ่บางแห่ง เช่น เบอร์ลินและปารีส ประชากรมากกว่า 90% ก็สามารถเดินไปถึงบริการที่จำเป็นได้ภายในไม่เกิน 15 นาทีเช่นกัน
นักวิจัยจึงพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อสำรวจว่าเมืองเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดเพื่อให้เข้าถึงได้มากขึ้น พวกเขาพบว่า แอตแลนตาจะต้องย้ายสิ่งอำนวยความสะดวก 80% เพื่อให้กระจายความสะดวกต่อผู้อยู่อาศัยได้อย่างเท่าเทียมกัน ในขณะที่ปารีสจะต้องย้ายเพิ่มเพียง 10% เท่านั้น
ไฮกอร์ เพียเจต์ (Hygor Piaget) ผู้เขียนร่วมของการศึกษานี้ กล่าวว่า การศึกษานี้ไม่ใช่ข้อเสนอที่จะทำลายเมือง แต่เป็นเสมือนแบบฝึกหัดทางคณิตศาสตร์เพื่อให้ผู้คนได้คิด “เรากำลังค้นหาวิธีที่จะทำให้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ดีขึ้น” เพียเจต์กล่าว
แม้จะฟังเหมือนเป็นเรื่องดีที่เราจะเข้าถึงสิ่งต่างๆ ได้อย่างสะดวก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดเรื่องเมือง 15 นาทีก็ถูกโจมตีโดยนักทฤษฎีสมคบคิดอยู่บ้าง ที่มองว่าเป็นแผนการของรัฐบาลที่ต้องการควบคุมการเดินทางและจำกัดเสรีภาพ ซึ่งเป็นแนวคิดที่อาจกระตุ้นต่อมความหงุดหงิดของวิทยาศาสตร์ นักวางผังเมือง และแพทย์อยู่ไม่น้อย เพราะพวกเขาเห็นว่าการลดการพึ่งพารถยนต์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างมีสุขภาพดีและปลอดภัยมากขึ้น
อย่างไรก็ดี งานศึกษานี้ยังมีข้อจำกัดว่าอาศัยเพียงข้อมูล open data เท่านั้น ทำให้มีข้อมูลไม่เพียงพอในเมืองต่างๆ นอกยุโรปและอเมริกาเหนือ และยังไม่ได้คำนวณรวมไปถึงปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างความสะดวกในการเดินในบางเมือง การจราจรที่คับคั่ง อาชญากรรม สภาพอากาศเลวร้าย และเนินเขาสูงชัน ที่อาจทำให้ผู้คนไม่กล้าเดินอยู่ดีแม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ บนแผนที่ก็ตาม
นาตาลี มูลเลอร์ (Natalie Mueller) นักระบาดวิทยาสิ่งแวดล้อมจากสถาบันสุขภาพระดับโลกแห่งบาร์เซโลนา (ISGlobal) ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษาครั้งนี้ กล่าวว่า มันไม่มีแนวทางแบบไหนหรอกที่จะใช้ได้แบบเหมาเข่งกับเมืองทุกแห่ง แต่การวิจัยเรื่องนี้จะช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมในเมืองที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากขึ้นได้
แล้วเมืองหลวงของไทยอย่างกรุงเทพฯ ล่ะ เป็นเมือง 15 นาทีไหม?
จากข้อมูลเปิดเมือง 15 นาที โดย ศูนย์มิตรเมือง (Urban Ally) ไททวีป ตีระพงศ์ไพบูลย์ และธีรวุฒิ พลามิตร ร่วมกับ ศูนย์มิตรเมือง ได้วิเคราะห์ไว้ว่า กรุงเทพฯ ถือเป็นเมือง 21 นาที โดยคำนวณจากข้อมูลระยะทางเฉลี่ยของการเดินเข้าถึงสิ่งต่างๆ โดย 46% ขอพื้นที่สามารถเข้าถึงได้ใน 15 นาที แต่แม้ตัวเลขจะฟังดูดี กลับยังมีบางอย่างที่ต้องใช้เวลาเดินเท้ามากถึง 111 นาทีถึงจะไปถึงได้ เช่น การเดินไปให้ถึงระบบขนส่งสาธารณหลักอย่างรถไฟ
โดยขณะนี้อาจยังไม่ได้มีการพูดถึงนโยบายเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมือง 15 นาทีโดยสมบูรณ์ แต่ที่ผ่านมาเราอาจเคยได้ยินคำว่า ‘สวน 15 นาที’ อยู่บ้าง ซึ่งเป็นนโยบายของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
นโยบายนี้ว่าด้วยการกระจายสวนและพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนเข้าถึงได้ภายใน 15 นาที หรือประมาณ 800 เมตร โดยพัฒนาพื้นที่เดิมควบคู่การเพิ่มพื้นที่ใหม่ ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน โดยจากข้อมูลเื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 สวน 15 นาทีเปิดแล้ว 141 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และกำลังพัฒนาเพิ่มอีกทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
อ้างอิงจาก