ถือเป็นข่าวที่สะเทือนวงการวิทยาศาสตร์และวิชาการอย่างมาก เมื่อเหล่านักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการหลายคนลุกฮือต่อต้านการ ‘ผูกขาด’ ของสำนักพิมพ์วารสารวิชาการ หลังจากที่ต้องถูกบีบบังคับให้ทำงานโดยไร้ค่าจ้างและถูกนำผลงานไปสร้างผลกำไรมหาศาล
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการได้ยื่นฟ้องต่อต้านการ ‘ผูกขาด’ ของสำนักพิมพ์วารสารวิชาการ 6 แห่ง ได้แก่ Elsevier, Springer Nature, Taylor and Francis, Sage, Wiley และ Wolters Kluwer โดยกล่าวหาว่าสำนักพิมพ์เหล่านี้ทำรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐจากภาษีของประชาชน แทนที่จะนำไปใช้เป็นทุนสำหรับการวิจัยวิทยาศาสตร์
ตามรายละเอียดในคำฟ้อง มีองค์ประกอบทั้งหมด 3 ประการ:
- สำนักพิมพ์เหล่านี้กำหนดราคาบริการตรวจสอบบทความที่ 0 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งข้อตกลงนี้บีบให้นักวิชาการทำงานโดยไม่ได้รับค่าแรง
- ลดการแข่งขัน โดยกำหนดให้ส่งต้นฉบับไปที่สำนักพิมพ์ดังกล่าวเพียงสำนักเดียวเท่านั้น
- ควบคุมการเข้าถึงข้อมูล เนื่องจากสำนักพิมพ์เหล่านั้น ห้ามนักวิชาการแบ่งปันผลงานของตัวเองในขณะที่ต้นฉบับกำลังถูกตรวจสอบพิจารณาจากสำนักพิมพ์ จนทำให้ผลงานเหล่านั้นมีสภาพเหมือนกับเป็นของสำนักพิมพ์ไปโดยปริยาย
นักวิจัยที่ได้รับทุนจากภาครัฐทำงาน เขียนรายงาน และรู้ในคุณค่าของงานชิ้นนั้นๆ ทว่าผลงานชิ้นนั้นกลับตกไปอยู่ในมือของสำนักพิมพ์โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่าวิจัยเลย อีกทั้งสำนักพิมพ์ยังเอางานวิจัยต่างๆ นี้ไปทำรายได้ได้อย่างมหาศาลจากการคิดเงินค่าอ่านงานวิจัยแต่ละชิ้น
“บริษัทเหล่านี้หลบเลี่ยงความรับผิดชอบต่อการดำเนินธุรกิจที่ผิดเพี้ยน และสร้างความเสียหายมานานเกินไป พวกเขานำเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐออกไปจากงานวิทยาศาสตร์เพื่อแสวงหากำไรมหาศาล อุตสาหกรรมการตีพิมพ์ผลงานวิชาการทำตัวราวกับว่ากฎหมายต่อต้านการผูกขาดไม่สามารถนำมาใช้กับพวกเขาได้ และเชื่อว่านักวิชาการไม่สมควรได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ทว่าพวกเขาคิดผิด” แถลงการณ์จากทนายความฝั่งนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการระบุ
ซึ่งผู้ที่เสียเงินเพื่ออ่านงานวิจัยเหล่านี้ก็เป็นคนเดียวกับที่จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนให้กับนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการเช่นกัน นั่นก็คือ ‘ประชาชน’
อ้างอิงจาก