จวบจนปัจจุบันสงครามในฉนวนกาซายังคงดำเนินอยู่ พร้อมกันนั้นอิสราเอลกำลังโจมตีทางตอนใต้ของเลบานอน และถล่มโจมตีกลุ่มกบฏในเยเมน ขณะที่อีหร่านยิงขีปนาวุธนับ 100 กว่าลูกใส่อิสราเอล การโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่คำถามที่ว่า จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลางหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งข้างต้นล้วนมีชนวนมาจากสงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ที่กินเวลาครบ 1 ปีเต็มแล้ว
1. ย้อนไปเมื่อ 7 ตุลาคม 2023 ชายแดนอิสราเอลทางตอนใต้ถูกระดมยิงจรวด ภายใต้ปฏิบัติการที่เรียกว่า อัล-อักซา ฟลัด (Operation AI-Aqsa Flood) ของฮามาส—กองกำลังติดอาวุธที่ปกครองฉนวนกาซา ตั้งแต่ปี 2007 กลุ่มติดอาวุธยังแทรกซึมเข้าไปในอิสราเอล พร้อมกับสังหารประชาชนหรือจับเป็นตัวประกัน ที่อาศัยใกล้ฉนวนกาซา (Gaza) หรือชายแดนระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
2. เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมาประกาศทันทีว่า “อิสราเอลเข้าสู่สงครามแล้ว และกลุ่มฮามาสต้องชดใช้” และจะเดินหน้าแก้แค้น ด้วยการโจมตีพื้นที่ที่ฮามาสหลบซ่อนอยู่ ภายใต้ปฏิบัติการดาบเหล็ก (Swords of Iron) พร้อมกับเตือนประชาชนในฉนวนกาซาให้อพยพไปทางตอนใต้ เพื่อความปลอดภัย
3. ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบกับคนไทยโดยตรง เนื่องจากมีแรงงานไทยจำนวน 5,000 คน อยู่ใกล้ฉนวนกาซา ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานระบุว่า ณ เวลานั้น มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในอิสราเอลเกือบ 30,000 คน โดยส่วนใหญ่ทำงานในภาคเกษตรกรรม
4. รัฐบาลไทยเริ่มอพยพชาวไทยกลุ่มแรก จากอิสราเอลด้วยเครื่องบินพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2023 เป็นต้นมา ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศ (กต.) ระบุว่า ไม่นิ่งนอนใจเรื่องคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน
5. ล่าสุดเมื่อ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า “รัฐบาลไทยขอย้ำการเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันที่เหลือทั้งหมดโดยเร็วที่สุด รวมถึงตัวประกันคนไทยอีก 6 คน ให้กลับคืนสู่มาตุภูมิโดยปลอดภัย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างสูงสุดเพื่อบรรลุการเจรจา และนำไปสู่การแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรมในกาซาโดยทันที“
6. อย่างไรก็ดี วันนี้ (7 ตุลาคม) อิสราเอลจัดกิจกรรมรำลึกครบรอบ 1 ปี สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส ขณะเดียวกันหลายพื้นที่ทั่วโลกก็เดินขบวนเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง
7. งานรำลึงถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างการรวมตัวของครอบครัวของผู้เสียชีวิตและตัวประกัน และรัฐบาล เพราะงานของภาคประชาชนจะเน้นย่ำถึงความล้มเหลวของรัฐบาล ที่ทำให้ฮามาสสามารถเปิดฉากโจมตี รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์ความรุนแรงหลังจากนั้น ที่มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ไม่ค่อยดีนัก
8. “ยุติความรุนแรง” ทั่วโลกต่างรำลึก 1 ปี สงครามอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยกลุ่มที่ออกมามีทั้งจากผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ เช่นในปากีสถาน ตุรกี สเปน อินโดนีเซีย ที่แสดงจุดยืนต่อต้านอิสราเอล เรียกร้องให้ยุติการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ และต่อว่าสหรัฐฯ ว่ากำลังสนับสนุนการก่อการร้าย โดยเฉพาะการส่งอาวุธให้กับอิสราเอล รวมทั้งยังเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติ (UN) ให้อยู่ข้างผู้ถูกกดขี่ ยุติการใช้สองมาตรฐาน และจงอยู่เคียงข้างประชาชนปาเลสไตน์
9. ทางด้านฝ่ายที่สนับสนุนอิสราเอล เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี เรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันที่เหลือยังคงอยู่ในกาซาประมาณ 100 ชีวิต นอกจากนี้ อันโตนิโอ กูเตร์เรส (António Guterres) เลขาธิการ (UN) ได้อ่านแถลงการณ์ เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปี ว่า
“UN จะเดินหน้าทำงานเพื่อช่วยเหลือตัวประกันทุกคนให้ได้รับอิสรภาพ ยุติการใช้ความรุนแรง และนี่คือเวลาแห่งสันติภาพ กฎหมายระหว่างประเทศและความยุติธรรม”
11. ทั้งนี้ สถานการณ์ความรุนแรงโดยรวมในตะวันออกกลางยังมีแนวโน้มที่รุนแรงแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (3 ตุลาคม) กต.เพิ่งประกาศเตือนคนไทยที่พำนักและทำงานอยู่ในอิสราเอลให้คอยเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอิหร่านเพิ่งยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
12. ท้ายที่สุดแล้ว ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา สงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับประชาชน ขณะนี้ฉนวนกาซามีผู้เสียชีวิต 40,000 ราย และคนนับล้านต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น ไม่เพียงเท่านั้น ความขัดแย้งนี้ยังขยายวงกว้างไปทั่วตะวันออกกลาง จนตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าแน่ชัดว่าสงครามครั้งนี้จะยุติลงเมื่อไหร่
อ้างอิงจาก