วอชิงตันโพสต์ (Washington Post) ที่เป็นสื่อหลักในสหรัฐฯ ถูกผู้อ่านอย่างน้อย 250,000 คน ยกเลิกการสมัครสมาชิก เพราะพวกเขาประกาศว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เลือกรับรองแคนดิเดตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนไหนเลย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี ตามการตัดสินใจของ เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos) มหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของ
“เรากำลังหวนกลับไปสู่รากเหง้าของการไม่สนับสนุนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี” วิลเลียม ลูอิส (William Lewis) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Washington Post ประกาศในแถลงการณ์เมื่อไม่นานมานี้ โดยระบุว่า จะไม่มีการรับรองแคนดิเดตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และครั้งต่อๆ ไป เนื่องจากสื่อเชื่อมั่นใน ‘ความสามารถของผู้อ่าน ในการตัดสินใจด้วยตัวเอง’
ทั้งนี้สื่อหลายสำนักยืนยันว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นของ Jeff Bezos มหาเศรษฐี ผู้ก่อตั้งอะเมซอน (Amazon) หรือแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเขาได้เข้าซื้อกิจการ Washington Post ตั้งแต่ปี 2013
การตัดสินใจข้างต้น สร้างทำให้หลายคนประหลาดใจอย่างมาก เพราะ Washington Post ถือเป็นสื่อเก่าแก่ ที่ยึดถือธรรมเนียมการรับรองแคนดิเดตประธานาธิบดี (presidential endorsement) ในการเลือกตั้งฯ ทุกครั้งนับตั้งแต่ปี 1992 ทั้งนี้ธรรมเนียมดังกล่าว เป็นการที่สื่อหรือผู้มีชื่อเสียง ออกตัวสนับสนุนแคนดิเดตคนใดคนหนึ่ง ในการเลือกตั้งฯ เพื่อเน้นย้ำเสรีภาพในการเลือก และแสดงความคิดเห็น ในระบอบประชาธิปไตย
ที่ผ่านมา Washington Post ก็มีประวัติสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตด้วย โดยครั้งล่าสุดในปี 2020 ได้ออกตัวสนับสนุน โจ ไบเดน และฮิลลารี คลินตัน ในปี 2016 ซึ่งทั้งสองเป็นอดีตแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครต
อีกทั้งมีแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อเล่าว่า ก่อนหน้านี้ทีมบรรณาธิการมีแผน ในการเขียนบทความรับรอง คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต แต่บทความดังกล่าวไม่เคยเผยแพร่ ซึ่งประเด็นนี้ทำให้หลายคนมองว่า Jeff Bezos อาจต้องการแทรกแซงไม่ให้ Washington Post สนับสนุน คามาลา แฮร์ริส
หากลองมองสื่ออื่นๆ อาจเห็นว่าปีนี้ นิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) หรือสื่อใหญ่อีกแห่งในสหรัฐฯ ได้ออกมาสนับสนุน คามาลา แฮร์ริส อย่างชัดเจน โดยระบุว่า “กมลา แฮร์ริส เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น” พร้อมกับกล่าวว่า หากชาวอเมริกันไม่ลุกขึ้นต่อต้านทรัมป์ เขาจะมีอำนาจในการสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง และยั่งรากลึกต่อประชาธิปไตย
หลายฝ่ายวิจารณ์การตัดสินใจของครั้งนี้ของ Washington Post อย่างกว้างขวาง รวมถึงนักข่าวและทีมบรรณาธิการหลายคน ออกมาประณามและลาออก เพราะส่วนหนึ่งมองว่าสำนักข่าวควรมีจุดยืนที่ชัดเจน และการตัดสินใจครั้งนี้ อาจถูกแทรกแซงได้
อ้างอิงจาก