‘ฟลอเรนซ์’ เมืองประวัติศาสตร์ของอิตาลี ที่เต็มไปด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมยุคเรเนซองส์ และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน และ ‘มาก’ เกินไปแล้ว
แม้ว่าในอิตาลีจะมีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งแต่เมืองนี้กลับมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ จนเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ประกอบกับค่าที่พักของผู้ที่อยู่อาศัยจริงๆ มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเจ้าของบ้านเริ่มขึ้นราคาเพื่อปล่อยเช่าระยะสั้นสำหรับนักท่องเที่ยว
ล่าสุดอิตาลีเริ่มใช้มาตรการลดจำนวนนักท่องเที่ยวหลายๆ วีธี เช่น ห้ามใช้กล่องกุญแจ (กล่องกุญแจสำหรับผู้เข้าพักชั่วคราว) และเครื่องขยายเสียงสำหรับไกด์นำเที่ยว นอกจากนี้ยังมีการจำกัดการใช้ยานพาหนะที่ไม่ธรรมดา เช่น รถกอล์ฟ ซึ่งไกด์นำเที่ยวนำมาใช้พาท่องเที่ยวรอบๆ เมืองในพื้นที่ที่ห้ามรถยนต์เข้า
ทำไมต้องลดจำนวนนักท่องเที่ยวลง?
ตามคำแถลงของสภาเมือง ระบุเอาไว้ว่า มาตรการต่างๆ เหล่านี้ มีจุดประสงค์เพื่อทำให้ฟลอเรนซ์เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัย
“ซึ่งข้อจำกัดพวกนี้เกิดมาจากการที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา และทำให้คนเมืองที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างถาวร ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีผู้คนเข้ามาเยือนเมืองนี้แล้ว 7.8 ล้านคน โดยที่เมืองไม่สามารถรองรับกิจกรรมและอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มากระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้อีกต่อไป” สภาเมืองระบุ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่เมืองฟลอเรนซ์ต้องเผชิญกับนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมไม่ดีอีกด้วย ยกตัวอย่างในช่วงที่ผ่านมา มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอนักท่องเที่ยวหญิงคนหนึ่งกำลังทำท่าเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์กับรูปปั้นเทพเจ้าบาคคัส (Bacchus)
อย่างไรก็ตาม ฟลอเรนซ์ถือเป็นเมืองล่าสุดที่บังคับใช้ข้อจำกัดต่างๆ ด้านการท่องเที่ยวแบบกลุ่ม โดยแหล่งโบราณคดีปอมเปอี มีการประกาศจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อวันที่ 20,000 คนและต้องมีบัตรเข้าชมของตัวเองเท่านั้น
ด้าน ดาเนียลา ซานตันเช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของอิตาลี โต้แย้งว่าแทนที่จะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ประเทศควรเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 50 ล้านคนต่อปี โดยเธอเสนอว่าการที่นักท่องเที่ยวมากเกินไปในอิตาลีเป็นผลจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาด
“ฉันไม่เห็นด้วยกับคำว่านักท่องเที่ยวล้นเมือง (over tourism) แต่ฉันก็เข้าใจว่าดินแดนของเราเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งสิ่งที่เราต้องถามตัวเองคือ (การจำกัด)จะไม่ไปทำลายการค้าในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเราที่สร้างชีวิตชีวาในชุมชนหรือ? นี่คือกฎเศรษฐศาสตร์ หากต้องการช่วยเหลือคนชั้นล่าง คุณต้องทำให้คนชั้นบนเติบโต” เธอกล่าว
อ้างอิงจาก