เมื่อ X เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ใช้ โดยเฉพาะ ‘สายผลิต’ หรือกลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์ หันไปซบ Bluesky แพลตฟอร์มใหม่ที่สร้างโดยอดีตผู้สร้าง Twitter ที่เพียงวันเดียวก็มีคนสมัครใช้งานเพิ่มขึ้น 1 ล้านยูสเซอร์!
นับตั้งแต่ตุลาคม 2022 เป็นต้นมา แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่างทวิตเตอร์ (Twitter) ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่ออีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเข้าซื้อเป็นเจ้าของคนใหม่ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อแพลตฟอร์มเป็น X และยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายๆ อย่างตามมา
การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายก็ช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนโยบายใหญ่ที่สร้างแรงสะเทือนให้คนเริ่มตัดสินใจเลิกใช้ X คือ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2024 เป็นต้นมา X ได้อัปเดตเงื่อนไขการใช้บริการ หรือเงื่อนไขการใช้งานแอปพลิเคชันใหม่ ซึ่งหนึ่งในหัวข้อที่คนให้ความสนใจมาก คือ ‘Your Rights and Grant of Rights in the Content’ ซึ่งหมายถึง สิทธิของคุณ และการให้สิทธิในเนื้อหา
เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า “การส่ง โพสต์ หรือแสดงเนื้อหาบนบริการ ถือว่าคุณให้สิทธิแก่เราทั่วโลก ไม่ผูกขาด ปลอดค่าลิขสิทธิ์ (รวมถึงสิทธิในการอนุญาตให้ใช้สิทธิต่อ) เพื่อใช้ คัดลอก ทำซ้ำ ประมวลผล ปรับเปลี่ยน แก้ไข เผยแพร่ ส่ง แสดง อัปโหลด ดาวน์โหลด” และมีการยกตัวอย่างถึงการนำไปฝึกฝน (train) machine learning และ AI อีกด้วย
โดยการฝึกเอไอ (AI Traning) หมายถึง การนำข้อมูลจำนวนมากเข้าสู่ฐานข้อมูลที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะใช้ในการเรียนรู้ และนำข้อมูลนั้นไปใช้ในการทำสิ่งต่างๆ ได้ เช่น Generative AI ที่ผู้ใช้สามารถป้อนคำสั่ง (prompt) เข้าไป แล้วเอไอจะสร้างผลงานออกมาได้ รวมถึงการสร้างภาพวาดด้วย
ซึ่งการที่ทุกอย่างที่อัปโหลดลงไป ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ วิดีโอ เสียง หรืออื่นๆ จะถูกนำไปใช้ ‘เทรน AI’ ได้นั้น ทำให้เกิดความกังวลในกลุ่มผู้ใช้ X โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ‘สายผลิต’ ซึ่งเป็นชื่อเรียกของกลุ่มนักทำงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะเหล่านักวาด
เพราะการสร้างรูปวาดหรือผลงานต่างๆ โดย AI นั้นยังถือเป็นประเด็นถกเถียง ทั้งประเด็นคุณภาพ ลิขสิทธิ์ ไปจนถึงความหมายของความเป็นศิลปะ และที่ผ่านมา ผลงานที่สร้างจาก AI ยังดูเหมือนจะทำให้เกิดปัญหาในวงการนักวาดอยู่บางประการ เช่น การนำรูปไปใช้ฝึก AI โดยไม่ได้รับอนุญาต การโดนกดราคาค่าจ้างงานเพราะคนหันไปเลือกใช้ AI หรือลอกเลียนแบบลายเส้นหรือสไตล์ของนักวาด จนเกิดความสับสนในกลุ่มผู้บริโภค
ดังนั้น เมื่อนโยบายใหม่ที่ออกมา เปรียบเสมือนใบอนุญาตที่ผู้ใช้จำต้องยอมรับโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เหล่าสายผลิต ผู้ติดตาม รวมถึงผู้ใช้ทั่วไปจำนวนไม่น้อย จึงเริ่มตัดสินใจที่จะย้ายถิ่นฐานไปเผยแพร่ผลงานบนแพลตฟอร์มทางเลือก อย่าง ‘Bluesky’ แทน ที่แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับฐานผู้ติดตามที่อาจหายไป แต่สำหรับบางคนก็ระบุว่า ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่ายอมให้ AI นำผลงานไปใช้โดยไม่ยินยอม
Bluesky เป็นแพลตฟอร์มที่คล้ายกับ (X หรือ Twitter เดิมมาก) โดยมีโลโก้เป็นรูปผีเสื้อพร้อมพื้นหลังสีฟ้าแสนคุ้นเคย ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนในขณะนี้ มีผู้ใช้เกิน 16.5 ล้านรายแล้ว
ในวันที่ 15 พฤศจิกายนเพียงวันเดียว ซึ่งเป็นวันที่ X เริ่มใช้นโยบายใหม่เกี่ยวกับการอนุญาตให้นำเนื้อหาไปใช้งานได้ ก็มีผู้สมัครเข้า Bluesky อย่างล้นหลาม จนทะลุ 1 ล้านยูสเซอร์ โดยนอกจากเหตุผลเรื่องนโยบายที่เปลี่ยนไป หลายคนคาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาด้วย เพราะมัสก์ถือเป็นอีกหนึ่งผู้สนับสนุนสำคัญ ดังนั้น สำหรับคนที่ไม่ชอบทรัมป์ ก็อาจตัดสินใจย้ายได้ไม่ยากเท่าไร
แล้วทำไมจะต้องเป็น Bluesky? นั่นก็เพราะว่าแพลตฟอร์มนี้มีความคล้ายกับ Twitter ที่คนคิดถึงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเจ้าของผู้สร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา คือ แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) อดีต CEO ของ Twitter นั่นเอง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเขาลาออกจาก Bluesky แล้ว และมีผู้นั่งคุมบังเหียนใหม่อย่าง เจย์ กราเบอร์ (Jay Graber)
แม้จำนวนผู้ใช้อาจยังไม่ถือว่ามากหากเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมถึง X เอง ที่แม้ไม่มีตัวเลขออกมาอย่างชัดเจน แต่คนคาดการณ์ว่าอาจทะลุเกินหลักร้อยล้านยูสเซอร์ แต่ Bluesky ก็เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่น่าจับตามอง ว่าจะกลายเป็นคอมมูนิตี้ใหม่ของคนทั่วโลก และชาวไทยได้สำเร็จหรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักสร้างสรรค์ ที่นโยบายของ Bluesky อาจตอบโจทย์มากกว่า
อ้างอิงจาก