จะสมดุลอย่างไรดี หากกลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์ไม่ยอมให้นำผลงานไปใช้เทรน AI แบบฟรีๆ แต่หากต้องทำเรื่องขออนุญาตทั้งหมด เหล่านักพัฒนา AI ก็อาจขาดแหล่งข้อมูลที่เพียงพอจนพัฒนาได้ไม่เท่าทันโลก?
ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร เมื่อ คริส ไบรอันท์ (Chris Bryant) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและวัฒนธรรม กล่าวต่อรัฐสภาว่า จะปรับปรุงกฎหมายให้เหล่าบริษัทนักพัฒนา AI เช่น Open AI, Google และ Meta นำผลงานต่าง ที่เผยแพร่สู่สาธารณะ มาใช้ ‘เทรน AI’ โดยยกเว้นเรื่องลิขสิทธิ์ได้ แต่เจ้าของผลงานก็สามารถดำเนินการป้องกันตัวผลงานได้เช่นกันหากไม่ยินยอม
เหตุผลที่ไบรอันท์กล่าวต่อรัฐสภาในการเสนอกฎหมายนี้ คือการที่ในปัจจุบัน นักพัฒนา AI จากนานาชาติกำลังใช้ผลงานของสหราชอาณาจักรที่เข้าถึงได้จากต่างประเทศเพื่อไปเทรน AI ของตนเอง แต่ภายในประเทศเองกลับไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งอาจส่งผลเสียอย่างมากต่อภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่นักพัฒนา AI เศรษฐกิจ ไปจนถึงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เอง
คนทำงานสร้างสรรค์กว่าหลายพันคน ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน ผู้จัดพิมพ์ นักดนตรี ช่างภาพ ผู้ผลิตภาพยนตร์ และหนังสือพิมพ์ ได้ออกมาแถลงการณ์ปฏิเสธแผนดังกล่าวของรัฐบาล
โดยกลุ่ม Creative Rights in AI Coalition (Crac) กล่าวว่า กฎหมายลิขสิทธิ์ที่มีอยู่ จำเป็นต้องได้รับการเคารพและบังคับใช้ ไม่ใช่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงโดยการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย
กลุ่มพันธมิตรนี้ ประกอบด้วย British Phonographic Industry, Independent Society of Musicians, (Motion Picture Association และ Society of Authors รวมถึง Mumsnet, The Guardian, Financial Times, Telegraph, Getty Images, Daily Mail Group และ Newsquest
โดยพวกเขาไม่ได้ไม่ยอมให้นำผลงานไปใช้เทรน AI โดยสิ้นเชิง แต่ระบุว่า ภาระนี้ควรจะไปตกอยู่กับนักพัฒนา AI ต่างหาก ที่จะต้องขอใบอนุญาต และจ่ายเงินให้กับผู้ถือลิขสิทธิ์อย่าวถูกต้อง หากต้องการนำผลงานนั้นไปเทรน AI ให้สามารถเขียน สร้างภาพเคลื่อนไหว รูปภาพ เพลง หรือผลงานอื่นๆ ได้ ไม่ใช่ภาระที่ผู้สร้างผลงานควรต้องมาปกป้องผลงานของตนเอง
Tech UK ซึ่งเป็นกลุ่มผู้แทนอุตสาหกรรม ได้เรียกร้องให้มีระบบตลาดที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องได้ ในขณะที่ Caroline Dinenage ประธานคณะกรรมการคัดเลือกด้านวัฒนธรรม สื่อ และกีฬาของสภาสามัญจากพรรคอนุรักษ์นิยม กล่าวหาว่า รัฐบาลชักจะเชื่อใน AI เกินไปจนไม่ตั้งคำถามอะไรกับมันแล้ว
พอล แมคคาร์ทนีย์ (Paul McCartney) และเคต บุช (Kate Bush) เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานชาวอังกฤษสองคนล่าสุด ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการควบคุมบริษัท AI ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมกับพวกเขาได้ร่วมกับนักแสดงอย่างจูลีแอนน์ มัวร์ (Julianne Moore) สตีเฟน ฟราย (Stephen Fry) และฮิวจ์ บอนเนวิลล์ (Hugh Bonneville)
พวกเขาได้ร่วมลงนามในคำร้อง ที่ปัจจุบันมีผู้ให้การสนับสนุนมากกว่า 37,500 คน โดยระบุว่า “การใช้ผลงานสร้างสรรค์โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อเทรน AI ถือเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงและไม่ยุติธรรมต่ออาชีพของผู้ที่อยู่เบื้องหลังผลงานเหล่านั้น และมันจะต้องไม่ได้รับอนุญาต”
ในขณะเดียวกัน เคต มอสส์ (Kate Mosse) นักเขียนนวนิยาย ได้รณรงค์แก้ไขร่างกฎหมายข้อมูล ไปพร้อมๆ กัน สอดคล้องไปกับกฎหมายลิขสิทธิ์ที่มีอยู่แล้วของสหราชอาณาจักรได้ ซึ่งจะทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานสามารถเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมได้เมื่อออกใบอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ผลงานของตน
ในการอภิปรายของสภาขุนนาง (สภาสูง) เกี่ยวกับการแก้ไขดังกล่าว บีแบน คิดรอน (Beeban Kidron) เปรียบเทียบว่า สิ่งที่รัฐบาลเสนอ ไม่ต่างอะไรกับการบอกว่า “เจ้าของร้านจะต้องไม่ไปยุ่งอะไรกับโจร’ โดยเห็นว่ามันไม่สมเหตุสมผลที่บุคคลที่ควรจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว กลับจะต้องมาดำเนินการต่างๆ เพื่อปกป้องตนเอง
คลีเมนต์ โจนส์ (Clement Jones) โฆษกพรรคเสรีประชาธิปไตยด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่า การยกเว้นลิขสิทธิ์ที่รัฐบาลเสนอนั้นมีพื้นฐานมาจากความคิดที่ผิดพลาด ซึ่งได้รับการส่งเสริมโดยกลุ่มล็อบบี้ยิสต์ด้านเทคโนโลยี และสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายลิขสิทธิ์ที่มีอยู่นั้นไม่ชัดเจน
จริงๆ แล้วก็อาจไม่ใช่เพียงในสหราชอาณาจักรที่เผชิญปัญหานี้อยู่ แต่นับตั้งแต่ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทำให้เกิดการตั้งคำถามทั่วโลก รวมถึงในไทยเอง ว่าเหล่านักสร้างสรรค์ควรหาทางอยู่ร่วมกันกับ AI อย่างไรต่อไปโดยทุกคนทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
อ้างอิงจาก