นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อนายกฯ สเปน กล่าวว่า จะเสนอนโยบายให้เก็บภาษี 100% กับผู้ลงทุนจากนอกสหภาพยุโรป (EU) ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าในสเปน หลังคนในประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตที่อยู่อาศัย
มาตรการดังกล่าว เป็นหนึ่งในมาตรการ 12 ฉบับที่นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ (Pedro Sánchez) ของสเปน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 มกราคม 2025) หลังปัญหาต้นทุนที่อยู่อาศัยพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าที่คนจำนวนมากในสเปนจะเอื้อมถึง เป็นปัญหาที่รุนแรงเพิ่มขึ้นทุกที
“โลกตะวันตกเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ นั่นคือการจะก้าวไปสู่สังคมที่ไม่แบ่งแยกชนชั้น ระหว่างเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวย และผู้เช่าที่ยากจน” เขากล่าวในฟอรัมเศรษฐกิจที่จัดขึ้นในกรุงมาดริด
ซานเชซ เน้นย้ำถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก อย่างในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั่วยุโรปมีราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น 48% ซึ่งสูงเกินกว่ารายได้ครัวเรือนมาก
เพื่อจัดการกับปัญหาลักษณะนี้ มาตรการที่รัฐบาลเสนอเสนอ มีตัวอย่างเช่น การขยายอุปทานของที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม (social housing – คล้ายกับเคหะชุมชนในประเทศไทย) การให้แรงจูงใจแก่ผู้ที่ปรับปรุงและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ว่างเปล่าในราคาไม่แพง และการปราบปรามการเช่าตามฤดูกาล
แต่แผนการของรัฐบาลในรับมือกับผู้ซื้อชาวต่างชาติที่ไม่ได้มาจากประเทศในสหภาพยุโรป กลายเป็นหนึ่งในนโยบายที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เพราะสเปนถือเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับผู้ซื้อบ้านพักตากอากาศที่ไม่ใช่คนจากประเทศสหภาพยุโรปมาช้านาน
โดยผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และโมร็อกโก ต่างแห่กันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสถานที่ต่างๆ ในสเปน เช่น อิบิซา มาร์เบลลา และบาร์เซโลนา
ซานเชซอธิบายว่า “เพื่อให้เห็นภาพ เฉพาะในปี 2023 มีผู้อยู่อาศัยที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรปซื้อบ้านและอพาร์ตเมนต์ประมาณ 27,000 หลังในสเปน แถมพวกเขาไม่ได้ซื้อเพื่ออยู่เอง หรือเพื่อให้ครอบครัวของพวกเขามีที่อยู่อาศัย แต่พวกเขาทำเพื่อหาเงิน เพื่อเก็งกำไร ซึ่งจากตอนนี้ที่เราเผชิญปัญหาความขาดแคลน เราจึงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกต่อไป”
ซานเชซกล่าวว่า กฎระเบียบเกี่ยวกับการเปิดให้เช่าจะเข้มงวดยิ่งขึ้น และภาษีที่ต้องจ่ายจะเพิ่มขึ้น “มันไม่ยุติธรรมเลย ที่ผู้ที่เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์ประมาณสัก 3-5 แห่งสำหรับการเช่าระยะสั้น ดันต้องจ่ายภาษีน้อยกว่าโรงแรม”
ปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าแผนดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับอย่างไร หรือจะแล้วเสร็จเมื่อใด และจะส่งให้รัฐสภาอนุมัติเมื่อไร
แต่เมื่อพิจารณาจากความพยายามของรัฐบาลในการผลักดันกฎหมายมาอย่างยาวนาน นักวิเคราะห์รายหนึ่งเสนอต่อ Financial Times ว่า เป้าหมายของรัฐบาลสเปน คือการขัดขวางนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ ผ่านการสร้างความไม่แน่นอนและเสียงรบกวนต่างๆ ให้พวกเขากระสับกระส่าย ด้วยข้อเสนอที่จริงๆ แล้วก็มีโอกาสน้อยมากที่จะกลายเป็นกฎหมายจริง
แล้วในประเทศไทย ต่างชาติสามารถซื้อบ้านในไทยได้ไหม?
อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ชาวต่างชาติที่มีสิทธิถือครองที่ดินในไทยได้ จะต้องผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดต่างๆ ได้แก่ มีความมั่งคั่งสูง, เกษียณอายุแล้วจากต่างประเทศ, ต้องการทำงานในประเทศไทย, ผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษ รวมถึผู้ติดตาม เช่น คู่สมรสและบุตรชอบด้วยกฎหมาย
และการจะถือครองที่ดินได้นั้น ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ที่กำหนดเท่านั้น โดยข้อสำคัญหนึ่ง คือการถือครองที่ดินได้เพียงไม่เกิน 1 ไร่ และต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ ‘เพื่อการอยู่อาศัย’ เท่านั้นนั่นเอง
นอกจากนั้น ยังมีข้อกำหนดทางกฎหมายอีกหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในไทย เช่น การกำหนดให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ได้ไม่เกิน 49% ของเนื้อที่ห้องชุด (เช่น คอนโด) ทั้งหมด
ซึ่งชาวต่างชาติก็สนใจการเข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดในไทยกันอย่างมาก หากเปรียบเทียบระหว่างช่วงก่อนปี 2562 พบว่ามีต่างชาติถือครอง 13,000 หน่วยต่อปี เป็นมูลค่า 57,000 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2566 มีต่างชาติถือครองมากขึ้นเป็น 14,500 หน่วยต่อปี เป็นมูลค่า 73,000 ล้านบาท
สำหรับสัญชาติของกลุ่มผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมีหลากหลาย แต่ TOP5 คือ จีน เมียนมา รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน ตามลำดับ
ในช่วงปีที่ผ่านมา หลายคนอาจได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปรับมาตรการเอื้อให้ชาวต่างชาติซื้อคอนโดในไทยมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์ เช่น เพิ่มจำนวนถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดจากเดิม 49% เป็น 75% หรือการให้ขยายเวลาถือครองทรัพย์อิงสิทธิเป็น 99 ปี
จนถึงขณะนี้อาจยังไม่มีความคืบหน้าใดเกี่ยวกับมาตรการของประเทศไทย ที่จะปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับการให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็เป็นประเด็นที่ทุกคนควรติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะผลลัพธ์ของการตัดสินใจเหล่านี้ อาจมีผลกระทบต่อสิทธิของคนไทยทุกคน
อ้างอิงจาก