“ยุคทองของอเมริกากำลังจะเริ่มต้นขึ้นจากวันนี้เป็นต้นไป”
สปีชแรกของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ท่ามกลางเสียงปรบมือจากฝูงชนมากมายใน Capital One Arena และบริเวณภายนอกที่มีฝูงชนผู้สนับสนุนทรัมป์กำลังมองเขาผ่านจอด้วยความยินดี
ทรัมป์เริ่มส่งสัญญาณถึงฝ่ายบริหารเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ตั้งแต่ประเด็นชายแดนไปจนถึงสงคราม แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการ ‘อภัยโทษ’ ที่ทรัมป์เพิ่งออกคำสั่งไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้
ในห้องทำงานรูปไข่ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งอภัยโทษแก่ผู้ต้องหามากกว่า 1,000 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จลาจล ที่อาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี 2020 หรือเมื่อราว 4 ปีที่แล้ว และลดโทษให้กับแกนนำทั้ง 14 คน จากกลุ่มขวาจัด Oath Keepers และ Proud Boys ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด และถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดก่อกบฏด้วย
#ย้อนเหตุการณ์จลาจล
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์อ้างว่า ‘โดนโกงเลือกตั้ง’ จนทำให้เกิดเป็นเสียง ‘Stop the steal’ ที่ถูกส่งออกไปยังผู้สนับสนุน ซึ่งในเวลานั้น มีความพยายามขัดขวางกระบวนการนับคะแนนหลายครั้ง เพื่อพลิกผลการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายทรัมป์ก็ไม่สามารถเอาชนะ โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีคนล่าสุดไปได้
หลังจากนั้น ผู้สนับสนุนของทรัมป์หลายร้อยคนก็บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา พวกเขาขู่ทำร้ายสมาชิกรัฐสภา ทำร้ายตำรวจด้วยอาวุธ และถังดับเพลิง และทำทรัพย์สินเสียหายไปหลายล้านดอลลาร์
หลังจากการโจมตีในครั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และ FBI ได้เริ่มปฏิบัติการล่าตัวผู้ก่อเหตุจลาจลทั่วประเทศ ซึ่งกลายเป็นการสืบสวนคดีอาญาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยอัยการได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหามากกว่า 1,580 ราย และตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 1,270 ราย
ทรัมป์ในเวลานั้นเรียกวันนี้ว่าเป็น ‘วันแห่งความรักและสันติภาพ’ พร้อมกับบอกว่าผู้สนับสนุนของเขาไม่ได้ก่อภัยคุกคามใดๆ
จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่า การดำเนินคดีเมื่อวันที่ 6 มกราคมประมาณ 55% เป็นคดีลหุโทษ โดยมีข้อหาเช่น ประพฤติตัวไม่เป็นระเบียบหรือบุกรุก สำหรับผู้ต้องหาส่วนใหญ่ถูกตัดสินให้คุมประพฤติ หรือจำคุกไม่กี่เดือน และได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว
กระทรวงยุติธรรมประมาณการล่าสุดว่า มีผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานความผิดทางอาญามากกว่า 730 รายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 มกราคม นอกจากนี้ ยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลอีกประมาณ 300 คดี ซึ่งรวมถึงคดีอาญาร้ายแรง เช่น ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนี้ ทรัมป์ได้ลงนามอภัยโทษอย่างสมบูรณ์และไร้เงื่อนไข ซึ่งในจำนวนผู้ที่ได้ลดโทษนี้รวมถึงบุคคลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีร้ายแรงในวันนั้นด้วย
#ชาวอเมริกันคัดค้านการอภัยโทษ
จากผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำขึ้นก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง พบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คัดค้านการอภัยโทษดังกล่าว ขณะที่ผู้ที่สนับสนุนรีพับลิกันให้การสนับสนุนการอภัยโทษ
ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจครั้งหนึ่งพบว่า 59% คัดค้านการอภัยโทษผู้ที่ฝ่าฝืนเข้าไปในรัฐสภา และจากการสำรวจแยกกันสองครั้งพบว่า 66% และ 62% คัดค้านการอภัยโทษผู้ที่ถูกตัดสินในเหตุการณ์โจมตีรัฐสภา
ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัย Quinnipiac พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 59% คัดค้านการอภัยโทษผู้ที่ถูกตัดสินและจำคุกจากเหตุการณ์ 6 มกราคม ทว่าฐานเสียงของทรัมป์ให้การสนับสนุนการอภัยโทษอย่างเต็มที่ที่ 67%
อ้างอิงจาก