ประเด็นสงครามการค้ากลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง หลังจากชัยชนะของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งจะตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าจาก 2 ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง แคนาดา และเม็กซิโก รวมถึงอีก 1 ประเทศอย่างจีน
แต่ล่าสุด ทรัมป์ได้ตกลงที่จะ ‘ระงับ’ การขึ้นภาษีนำเข้ากับเม็กซิโกและแคนาดา เป็นเวลา 30 วัน ซึ่งการระงับในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่การเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% จะยังคงมีผลบังคับใช้ตามกำหนด แม้ว่าทรัมป์มีแผนเข้าพูดคุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ตาม
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลลัพธ์นี้ และการจัดเก็บภาษีที่ประกาศเมื่อวันเสาร์ (1 กุมภาพันธ์) จะถูกระงับเป็นเวลา 30 วัน เพื่อดูว่าจะสามารถจัดทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจขั้นสุดท้ายกับแคนาดาได้หรือไม่” ทรัมป์โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดีย
นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์เดิม) ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (3 กุมภาพันธ์) ว่า การระงับดังกล่าวจะเกิดขึ้นขณะที่เราทำงานร่วมกัน และรัฐบาลของเขาจะแต่งตั้งผู้ควบคุมเฟนทานิล (ยาบรรเทาปวด — ถูกควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษ) ขึ้นบัญชีแก๊งค้ายาในเม็กซิโกว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และเปิดตัวกองกำลังโจมตีร่วมระหว่างแคนาดาและสหรัฐฯ เพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากร เฟนทานิล และการฟอกเงิน
แม้ว่าสงครามการค้าที่เหล่านักลงทุน บริษัทต่างๆ และผู้นำทางการเมือง เกรงกลัวกันจะดูไม่น่าเกิดขึ้นได้อีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความตึงเครียดจากการขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์จะเบาบางลง ทั้งแคนาดาและเม็กซิโกสามารถซื้อเวลาเพิ่มได้ก็จริง แต่ทรัมป์เองก็สามารถต่ออายุภาษีได้แบบง่ายๆ และมีแผนที่จะประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้เศรษฐกิจโลกยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า จะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์นี้ หรือคำสั่งดังกล่าวจะกลายเป็นเหมือนหายนะในอนาคตหรือไม่?
อ้างอิงจาก