โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งระงับการส่งความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดของสหรัฐฯ ไปยังยูเครน หลังการถกเถียงกันอย่างดุเดือดกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศรุนแรงยิ่งขึ้น
ไม่นานหลังจากที่ทรัมป์พบกับเซเลนสกี ก็เกิดการประชุมหลายครั้ง ระหว่างเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว ซึ่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง กล่าวโดยไม่เปิดเผยตัวตน ว่าทรัมป์ได้ตัดสินใจหยุดส่งความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน
“เรากำลังหยุดและทบทวนความช่วยเหลือของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือดังกล่าว มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา” เจ้าหน้าที่คนนั้นระบุ พร้อมย้ำว่าทรัมป์ยังคงให้ความสำคัญกับสันติภาพ และทำเนียบขาวก็ต้องการให้พันธมิตร มุ่งมั่นต่อเป้าหมายดังกล่าวเช่นกัน
เขากล่าวว่าการระงับความช่วยเหลือครั้งนี้ หมายถึงสหรัฐฯ จะหยุดส่งอุปกรณ์ทางทหารทั้งหมดที่ยังไม่ได้ส่งให้ยูเครน และจะดำเนินต่อเนื่องอย่างไม่มีกำหนด จนกว่ารัฐบาลยูเครนให้คำมั่นว่าจะเจรจาสันติภาพ เพื่อเป็นการตอบโต้โดยตรง ต่อพฤติกรรมของเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านทำเนียบขาว ยังคงไม่มีความคิดเห็นในทันที เกี่ยวกับขอบเขตที่มีผลกระทบ รวมถึงระยะเวลาของการระงับความช่วยเหลือครั้งนี้ ส่วนกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าในทางปฏิบัติแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้อาจเป็นการบีบให้ยูเครนต้องมานั่งโต๊ะเจรจา พร้อมโดนขู่ว่าจะสูญเสียกำลังพลมากขึ้นในสนามรบ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่สำคัญ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและเคียฟ ได้ถอยหลังไปมากเพียงใด นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ที่อัตรา 25% โดยจัดเก็บภาษี 10% สำหรับพลังงานของแคนาดา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามกดดัน ให้ทั้งสองประเทศดำเนินการมากขึ้น ในการหยุดยั้งการอพยพและการค้ายาเสพติดเข้าสู่สหรัฐฯ
เมื่อถามถึงช่องทางอื่นๆ ในการเจรจาเพื่อลดภาษี ทรัมป์ตอบว่า “ไม่มีช่องทางเหลือแล้ว ภาษีทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้”
ทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลของทรัมป์มีนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวและเด็ดขาด สิ่งที่น่าติตตามต่อไปคือ ผลกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน รวมถึงสงครามในยูเครนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนั้น จะเป็นอย่างไรต่อไป
อ้างอิงจาก