ผ่านไปแล้วมากกว่า 36 ชั่วโมงหลังจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายที่อุกอาจที่สุดในรอบหลายปีในปากีสถาน ซึ่งทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย
การโจมตีดังกล่าวมาจากกองทัพปลดปล่อยบาโลช หรือ B.L.A. ที่เริ่มโจมตีในวันบ่ายวันอังคาร (12 มีนาคม 2568) ขณะที่รถไฟด่วน Jaffar Express ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารมากกว่า 300 คนกำลังแล่นผ่านภูเขาสูงชันในเขตห่างไกล ทำให้รถไฟต้องหยุดและมีการจับตัวประกัน
รถไฟขบวนดังกล่าว เดินทางออกจากเมืองเควตตา เมืองหลวงของจ.บาลูจิสถาน ไปยังเมืองเปชาวาร์ จ.ไคเบอร์ปัคตุนควา โดยจะจอดแวะในหลายๆ เมือง
โนมัน อาห์เหม็ด หนึ่งในผู้ที่อยู่บนรถไฟขบวนดังกล่าวเล่าว่า เขาได้ยินเสียงระเบิด เราทุกคนนั่งลงกับพื้นและล็อกประตูตู้โดยสาร หวังว่าจะหลบจากปืนได้ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานกลุ่มติดอาวุธก็ปรากฎตัวและสั่งให้ทุกคนออกไป และขู่ว่าจะวางระเบิดตู้โดยสาร
กลุ่มก่อการร้ายแยกผู้หญิงและผู้สูงอายุออกจากผู้โดยสารคนอื่นๆ และถูกบังคับให้ไปอยู่บนเนินเขาใกล้ๆ ขณะที่ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บบางคนก็ยังอบู่บนรถไฟ “ใครไม่ออกไปก็จะถูกยิง” อาห์เหม็ดเล่า
เมื่อเข้าช่วงพลบค่ำ ผู้ก่อการร้ายเริ่มเคลื่อนย้ายตัวประกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10-12 คน จนกระทั่งตอนเช้า มีตัวประกัน 5 คนหนีออกไปได้
มูฮัมหมัด อัชราฟ ผู้โดยสารอีกคนบนรถไฟ บอกว่า ผู้ก่อการร้ายจับผู้โดยสารทั้งหมดเป็นตัวประกันและปล่อยตัวผู้โดยสารที่เดินทางมากับผู้หญิงและเด็กในเวลาต่อมา ซึ่งอัชราฟเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถูกปล่อยตัว
“วันที่ถูกโจมตี ทุกคนลงไปนอนกับพื้นและใช้สัมภาระป้องกันตัวเองจากกระสุน เสียงกรีดร้องดังไปทั่วทุกแห่ง” อัชราฟเล่า
กระทั่งคืนวันพุธ (13 มีนาคม 2568) ที่ผ่านมา กองทัพปากีสถานประกาศว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยได้ดำเนินการช่วยเหลือ และตัวประกันได้รับการปล่อยตัวแล้ว รวมถึงกลุ่มก่อการร้ายกว่า 33 รายเสียชีวิตแล้ว
พล.ท. อาหมัด ชารีฟ โฆษกกองทัพ กล่าวกับสถานีวิทยุกระจายเสียงท้องถิ่น Dunya News ว่า มีผู้โดยสารอย่างน้อย 21 รายเสียชีวิตจากการโจมตีรถไฟของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ขณะที่ไม่มีตัวประกันถูกสังหารในปฏิบัติการช่วยเหลือของกองกำลังรักษาความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม สื่อในปากีสถานยังไม่สามารถยืนยันข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ได้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ทหาร(นอกเครื่องแบบ) 4 นายที่ทำงานให้กับรัฐบาลเสียชีวิต หลังจากถูกกลุ่มก่อการร้ายซุ่มโจมตีใกล้กับจุดตรวจ โดยไม่มีการให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตอื่นๆ เพิ่มเติม และมีรายงานด้วยว่า มีผู้โดยสารบางคนหลบหนีไปในทิศทางต่างๆ ระหว่างที่กำลังโกลาหล
ขณะที่ด้าน B.L.A ยืนกรานว่ายังมีตัวประกันที่ถูกจับตัวไว้มากกว่า 100 คน และอ้างว่าได้สังหารทหารไปแล้วหลายสิบนาย แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ไม่สามารถยืนยันได้เช่นกัน เนื่องจากการโจมตีในครั้งนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต ทำให้ยากต่อการติดต่อสื่อสารและรวมข้อมูล
ทั้งนี้ บาลูจิสถาน เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีประชากรเบาบาง ซึ่งอยู่ติดกับอิหร่านและอัฟกานิสถาน พื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาความรุนแรงจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน และกลุ่มกบฏมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ จังหวัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของโครงการสำคัญที่นำโดยจีน รวมถึงท่าเรือเชิงยุทธศาสตร์อีกด้วย
กลุ่มแบ่งแยกดินแดนกล่าวหาว่ารัฐบาลปากีสถานปล่อยให้จีนเข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติของภูมิภาค และได้โจมตีกองกำลังรักษาความปลอดภัยและพลเมืองจีนในโครงการลงทุนเหล่านั้น
กลุ่ม B.L.A. พยายามหาบ้านให้กับชาวบาลูจมาเป็นเวลานาน โดยให้เหตุผลว่าชาวบาลูจถูกทิ้งไว้ข้างหลังในด้านเศรษฐกิจ และพวกเขาจะพบกับความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นหากได้รับอำนาจทางการเมืองมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนมีความกล้าบ้าบิ่น และซับซ้อนมากขึ้นในการปฏิบัติการ โดยปัจจุบันได้นำกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การวางระเบิดพลีชีพมาใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้ แนวทางดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายอิสลาม เช่น กลุ่ม Tehreek-e-Taliban Pakistan หรือ T.T.P. และกลุ่ม ISIS-K ซึ่งเป็นกลุ่มรัฐอิสลามในภูมิภาคที่ปฏิบัติการอยู่ในปากีสถานตะวันตกเฉียงเหนือและอัฟกานิสถานเป็นหลัก
ดัชนีการก่อการร้ายระดับโลกที่เผยแพร่โดยสถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยระดับนานาชาติ จัดอันดับปากีสถานให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายมากที่สุดในปีที่แล้ว โดยเป็นรองเพียงประเทศบูร์กินาฟาโซในแอฟริกาเท่านั้น
นอกจากนี้ รถไฟด่วน Jaffar Express มักตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของ B.L.A บ่อยครั้ง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้น้อย และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจำนวนมากใช้รถไฟสายนี้เพื่อเดินทางกลับบ้านเกิด โดยส่วนใหญ่อยู่ในแคว้นปัญจาบ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของปากีสถาน กลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวบาลูจกล่าวว่า แคว้นปัญจาบมีอำนาจเหนือรัฐบาลกลาง และกองทัพอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความตึงเครียดในแคว้นบาลูจิสถาน
อ้างอิงจาก