ถ้าเราพูดถึง ‘กระทรวงศึกษาธิการ’ แน่นอนว่ามันคืออีกหนึ่งกระทรวงสำคัญที่เป็นเหมือนรากฐานในการผลิตบุคลากรคุณภาพออกสู่สังคม แต่แล้วทำไมประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงตัดสินใจจะยุบกระทรวงฯ นี้?
ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้เริ่มยุบกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ เพื่อสนองต่อความต้องการของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการจะยุบหน่วยงานดังกล่าวนี้มายาวนานหลายทศวรรษ
ขณะที่การสั่งยุบกระทรวงฯ ในครั้งนี้ ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายจากโรงเรียนรัฐบาล, ผู้ที่กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา และกลุ่มผู้ปกครองนับล้านคนในประเทศว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีประธานาธิบดีคนไหนในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่พยายามปิดหน่วยงานขนาดใหญ่เช่นนี้
ซึ่งการยุบกระทรวงฯ จะต้องผ่านคะแนนเสียงในรัฐสภา ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเองก็ยอมรับว่าพวกเขาไม่มีคะแนนเสียงในมือเพียงพอต่อการยุบ แต่ด้วยคำสั่งที่มาจากทรัมป์เมื่อวานนี้ระบุให้ ลินดา แม็กแมน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาธิการ ดำเนินการในสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้การปิดกระทรวงฯ เป็นไปอย่างสะดวกที่สุด และคืนอำนาจด้านการศึกษาให้กับรัฐต่างๆ
“เราจะปิดมัน โดยเร็วที่สุด” ทรัมป์กล่าว ขณะที่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะเริ่มยุบส่วนไหนของกระทรวงฯ ก่อนและอย่างไร
ด้าน แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ใหัสัมภาษณ์ก่อนการลงนามคำสั่งว่า คำสั่งนี้จะมีผลเพื่อลดขนาดหน่วยงานลง (อย่างมาก) แต่หน้าที่สำคัญบางอย่าง เช่น เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และการบริหารเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนที่มีความเสี่ยงจะยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงาน ซึ่งนั่นหมายความว่าหน้าที่เหล่านี้จะยังคงอยู่แต่จะกระจายไปยังหน่วยงานอื่นๆ ให้ดูแลแทน
ทรัมป์อ้างถึงความจำเป็นในการคืนอำนาจควบคุมการศึกษาให้กับรัฐต่างๆ และบอกด้วยว่า คะแนนสอบของเด็กตกต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนต่อนักเรียนที่สูง ซึ่งภายใต้ระบบใหม่ที่ไม่มีกระทรวงฯ โรงเรียนสามารถไปแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในยุโรปและจีน ที่ทรัมป์บอกว่า (พวกเขาเหล่านี้) กำลังแข่งกับสหรัฐฯ อยู่
นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งหลายอย่าง ซึ่งพอมาถึงคิวเรื่องการศึกษา ได้ทำให้ความโกรธแค้นที่สะสมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่นโยบายบางอย่างและหลักสูตรของโรงเรียนท้องถิ่น รวมไปถึงความไม่พอใจเกี่ยวกับการปิดโรงเรียนในช่วงการระบาดของ COVID-19 การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้ปกครองผลักดันมาตรการในโรงเรียนที่มุ่งแก้ไขปัญหาสิทธิของกลุ่ม LGBT และส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการยังคงดิ้นรนเพื่อหาหน่วยงานทางเลือกที่เหมาะสมในการจัดการหนี้สินนักศึกษาจำนวนมหาศาล แหล่งข่าวเผยกับ CNN ว่า พอร์ตสินเชื่อมียอดหนี้สูงถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมียอดหนี้ค้างชำระประมาณ 40% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่เคยมีรายงานไว้ก่อนหน้านี้
พนักงานของกระทรวงศึกษาธิการเกือบครึ่งได้รับแจ้งว่าอาจถูกเลิกจ้าง และโปรแกรมต่างๆ จำนวนมากที่มุ่งส่งเสริมความหลากหลาย และปกป้องนักศึกษาข้ามเพศก็ถูกยกเลิกไป โดยหลังคำสั่งมีผล พนักงานกระทรวงฯ กว่า 1,300 คน ได้รับอีเมล์จากหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล ซึ่งกำหนดเวลาในการไปรับสิ่งของส่วนตัวจากสำนักงาน และส่งคืนอุปกรณ์ของรัฐบาล โดยพนักงานแต่ละคนจะได้รับเวลา 30 นาทีในการเก็บของ พร้อมกับต้องเตรียมกล่องและเทปมาเองเพื่อเก็บของ
พนักงานของกระทรวงบางคนที่ทำงานมาเป็นเวลานานรู้สึกไม่สบายใจกับคำสั่งดังกล่าว และยังพยายามหาคำตอบต่อไปว่าคำสั่งนี้จะส่งผลต่อการทำงานและหน้าที่การงานอย่างไร บางคนบอกว่าคำสั่งดังกล่าวนี้เป็นเหมือนการ “ถีบหน้าและกระทืบเราซ้ำขณะที่กำลังล้มลง”
อ้างอิงจาก