จากข่าวการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่สั่นสะเทือนวงการการค้าไปก่อนหน้า ดูเหมือนชายคนนี้จะยังไม่หยุด และล่าสุดลุกลามมาถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้วด้วย เพราะต่อจากนี้หนังสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ถ่ายที่สหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับการเรียกเก็บภาษีแบบ 100%!
นี่คือประกาศใหม่จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าภาพยนตร์ที่ผลิตนอกประเทศ 100% โดยบอกว่า อุตสาหกรรมของสหรัฐฯ กำลังจะตายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประเทศอื่นๆ กำลังดึงดูดผู้สร้างหนังชาวอเมริกัน
ทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social ว่า “นี่เป็นความพยายามของประเทศอื่นๆ และถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ นอกเหนือจากสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว มันยังเป็นการส่งข้อความและโฆษณาชวนเชื่ออีกด้วย” และบอกว่าตนให้สิทธิหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ เริ่มกระบวนการจัดเก็บภาษีนำเข้าภาพยนตร์ทั้งหมดที่ผลิตในต่างประเทศทันที 100%
“เราต้องการให้ภาพยนตร์ถ่ายทำในอเมริกาอีกครั้ง” นี่คือสิ่งที่ทรัมป์กล่าว ในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โฮเวิร์ด ลุตนิก ก็ไม่รอช้า โพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า ‘เรากำลังดำเนินการอยู่’ โดยทันที ซึ่งรายละเอียดการบังคับใช้ภาษีนำเข้านี้ก็ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา
นอกจากนี้ ทรัมป์ได้แต่งตั้งอดีตนักแสดงฮอลลีวูด 3 คน เมื่อเดือนมกราคม ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้ฮอลลีวูดกลับมายิ่งใหญ่ ดีขึ้น และแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา
การผลิตภาพยนตร์ และรายการทีวีต่างๆ ในลอสแองเจลิสขยับลดลงเกือบ 40% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ FilmLA (องค์กรไม่แสวงหากำไร)
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ไฟป่าได้ทำลายพื้นที่บางส่วนของลอสแองเจลิสเมื่อเดือนมกราคม ทำให้เกิดความกังวลว่าเหล่าโปรดิวเซอร์ และเหล่าคนเบื้องหลัง อาจมองหาที่ถ่ายอื่น
โพสต์ของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่เขาจุดชนวนสงครามการค้ากับจีน และการกำหนดภาษีศุลกากรซึ่งสร้างความวุ่นวายในตลาดและนำไปสู่ความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ
วิลเลียม ไรน์ช นักวิจัยอาวุโสของศูนย์การศึกษากลยุทธ์และระหว่างประเทศ กล่าวว่า การตอบโต้ภาษีภาพยนตร์ของทรัมป์จะเป็นเรื่องเลวร้าย การตอบโต้จะทำลายอุตสาหกรรมของเรา และเรามีแต่จะสูญเสีย
อ้างอิงจาก