เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ในซานดิเอโก ใส่ชุดหมีดูแลลูกหมีกำพร้า อายุ 2 เดือน ที่ช่วยเหลือจากป่าหลังหาแม่ไม่เจอ เพื่อไม่ให้มันผูกพันกับมนุษย์ ก่อนจะปล่อยกลับธรรมชาติ
ย้อนเล่าก่อนว่า ในวันที่ 12 เมษายน 2025 นักท่องเที่ยวที่มาตั้งแคมป์ในป่าสงวนแห่งชาติ Los Padres ในแคลิฟอร์เนีย พบลูกหมีดำตัวหนึ่งอยู่เพียงลำพัง โดยที่ไม่เห็นแม่ของมันอยู่แถวนั้น เจ้าหน้าที่ดูแลแคมป์จึงรายงานเรื่องนี้ กับกรมประมงและสัตว์ป่าแห่งแคลิฟอร์เนีย (CDFW)
จากนั้นนักชีววิทยาของ CDFW ก็เข้ามาเฝ้าติดตามลูกหมีดำที่อายุน้อยกว่า 2 เดือน และหนักประมาณ 1.3 กิโลกรัม ด้วยหวังว่าแม่ของหมีน้อยจะกลับมา และพามันกลับคืนสู่ธรรมชาติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่เห็นวี่แววของแม่หมีเลย อีกทั้งลูกหมีที่มีอายุแค่นี้ จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในป่าได้ด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจนำตัวหมีแรกเกิด ไปที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ของ San Diego Humane Society เมื่อวันที่ 14 เมษายน
เจ้าลูกหมีตัวนี้ เป็นลูกหมีดำที่อายุน้อยที่สุด ที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์แห่งนี้เคยรับมา โดย ออทัมน์ เวลช์ (Autumn Welch) เจ้าหน้าที่ของ San Diego Humane Society เล่าว่าขณะที่มันมาถึง ลูกหมีตัวนี้อยู่ในสภาพ ‘อ่อนแอมาก’ รวมถึงมีน้ำหนักน้อย และอยู่ตัวเดียว
เจ้าหน้าที่ของศูนย์อนุรักษ์สัตว์ ได้เอาใจใส่ลูกหมีตัวนี้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลเป็นพิเศษ ทำให้เมื่อผ่านไปเพียง 5 สัปดาห์ ลูกหมีตัวนี้ก็เจริญเติบโตได้ดี น้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบ 4.5 กิโลกรัม และมีพัฒนาการหลายอย่าง รวมถึงสามารถเรียนรู้ที่จะปีนป่าย
“ฉันภูมิใจในตัวทุกคนที่มาที่นี่จริงๆ และภูมิใจกับสิ่งที่เราทำสำเร็จกับลูกหมีตัวน้อยนี้” เวลช์กล่าวว่า เธอและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ใช้เวลาสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการให้อาหารลูกหมีหลายครั้งต่อวัน และบางครั้งก็ต้องให้อาหารข้ามคืน อีกทั้งยังพยายามให้ลูกหมีทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหมีน้อย ได้เรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอด โดยเป้าหมายคือ การปล่อยลูกหมีกลับสู่ธรรมชาติภายในหนึ่งปี
และที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากคือ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลลูกหมี พวกเขามักจะใส่ชุดหมีตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยสวมหน้ากากหมี ถุงมือหนัง และเสื้อคลุมขนสัตว์ขนาดใหญ่ พร้อมกับถูตัวให้ทั่ว ด้วยหญ้าแห้งที่มีกลิ่นหมีดำ ที่หามาจากเขตรักษาพันธุ์ในท้องถิ่น
“เราไม่อยากให้มันสัมผัสผิวหนังของเราเลย” เวลช์อธิบายว่า เจ้าหน้าที่พยายามไม่ให้ลูกหมีตัวนี้คุ้นเคยกับมนุษย์ เพราะจะไปทำลายสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมัน และทำให้มันเอาตัวรอดในป่าได้ยากขึ้น โดยเธอกล่าวว่า “มันไม่เคยมองเราเป็นมนุษย์เลย”
“เราทุ่มเทอย่างเต็มที่และทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้มันอยู่ตามธรรมชาติได้” เวลช์กล่าว
อ้างอิงจาก