ที่ผ่านมาเราอาจได้ยินประเด็นระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ ว่าเกิดความตึงเครียดและกดดันกันไปมาสักพักแล้ว
ล่าสุดสำนักข่าว POLITICO รายงานว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณานโยบาย ให้นักศึกษาต่างชาติทุกคนที่สมัครเรียนในสหรัฐฯ ต้องผ่านการตรวจสอบ ‘ประวัติบนโซเชียลมีเดีย’ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้สั่งให้สถานทูต และแผนกกงสุลของสหรัฐฯ ระงับการนัดหมายสัมภาษณ์ผู้สมัครวีซ่านักเรียนชั่วคราว เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นความพยายามโจมตีเหล่ามหาวิทยาลัย เนื่องจากสถาบันการศึกษาหลายแห่งในสหรัฐฯ จำเป็นต้องพึ่งพาเงินทุนจากนักศึกษาต่างชาติเป็นอย่างมาก
POLITICO ระบุว่าคำสั่งนี้ลงนามโดย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ เมื่อวานนี้ (27 พฤษภาคม 2025) ซึ่งหากฝ่ายบริหารดำเนินการตามแผนดังกล่าวจริงๆ อาจทำให้การดำเนินการวีซ่านักเรียนล่าช้าลงอย่างมาก จนกระทบต่อการวางแผนเข้าเรียน ในภาคฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ของนักศึกษาในวิทยาลัย โรงเรียนประจำ รวมทั้งนักเรียนแลกเปลี่ยน
ทั้งยังอาจส่งผลต่อมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ที่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากนักศึกษาต่างชาติเป็นหลัก โดยหลังจากรัฐบาลกลางตัดงบประมาณการวิจัย สถาบันการศึกษาหลายแห่ง ก็หันมารับนักศึกษาต่างชาติมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะนักศึกษาต่างชาติบางคน ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน
“มีผลทันที เพื่อเตรียมการสำหรับการขยายขอบเขตการคัดกรอง และตรวจสอบประวัติบนโซเชียลมีเดียที่จำเป็น ฝ่ายกงสุลไม่ควรเพิ่มการนัดหมายขอวีซ่า สำหรับนักเรียนหรือผู้มาเยี่ยม (F, M และ J) เพิ่มเติม จนกว่าจะมีการออกแนวทางเพิ่มเติม ซึ่งเราคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” เครือข่ายของ POLITICO ระบุ
ด้าน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สหรัฐฯ จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดในการคัดกรองผู้ที่ยื่นขอวีซ่า โดยระบุว่า “เราจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีต่อไป เพื่อประเมินว่าใครคือผู้ที่เดินทางมาที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือไม่ใช่ก็ตาม”
อ้างอิงจาก