จากกรณีปะทะกันระหว่างกองกำลังไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้มีแถลงการณ์ยืนยันว่า จะปกป้องอธิปไตยของไทย ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยเชื่อมั่นว่าไทยและกัมพูชา จะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
ในแถลงการณ์ยังระบุถึงกลไกทวิภาคี เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย- กัมพูชา (Joint Boundary Commission หรือ JBC) ที่ทั้งสองประเทศอาจนำมาใช้ เพื่อทำให้สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลาย ซึ่งรัฐบาลไทยกล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกของทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันไว้ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม
แม้ว่าล่าสุดวันนี้ (5 มิถุนายน) กัมพูชาจะมีแถลงการณ์ยืนยันว่า จะใช้แนวทางนำประเด็นขัดแย้งใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย เข้าสู่ ‘ศาลโลก’ หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice หรือ ICJ) พร้อมระบุชัดเจนว่า จะไม่นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การเจรจา JBC กับไทย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ณ กรุงพนมเปญ
แต่หลายคนยังคงสงสัยว่า แนวทาง JBC ที่ว่าทั้งสองฝ่ายพูดถึงคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร และมีกลไกระดับทวิภาคีมีอะไรอีกบ้าง ที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา
ที่มาของ JBC
เมื่อปี 2540 มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission หรือ JBC) เพื่อเป็น ‘กลไกหลัก’ ในการเจรจา การสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบก ของไทย และกัมพูชา โดยฝ่ายไทยมีผู้แทนจากหลายส่วนราชการ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น
หนึ่งในผลงานสำคัญของ JBC คือ MOU 2543 หรือชื่อเต็มๆ ว่า บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ซึ่งประธาน JBC ของทั้งสองฝ่ายคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศ กับวาร์ กิมฮง ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา เป็นผู้ลงนาม เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543
MOU 2543 นับเป็นอีกหนึ่งเอกสารสำคัญ ที่วางกรอบและกลไกในการปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายคือ กำหนดเขตแดนทางบกให้ชัดเจนตลอดแนว ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่า MOU นี้ จะช่วยลดความขัดแย้งตามแนวชายแดนได้
GBC และ RBC คืออะไร?
ในปี 2538 ไทยและกัมพูชา ได้ลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยความร่วมมือชายแดน ทำให้เกิดคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee หรือ GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee หรือ RBC) เพื่อเป็นอีกกลไกสำคัญในการจัดการข้อพิพาทชายแดน
สำหรับ GBC ถูกกำหนดให้เป็นกลไกระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งทั้งสองประเทศจะจัดประชุมทุกปี โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ
ส่วน RBC เป็นกลไกระดับแม่ทัพทัพภาค ที่แบ่งคณะกรรมการออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1) กองทัพภาคที่ 2 กับภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา ดูแลชายแดนด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ (อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์)
2) กองทัพภาคที่ 1 กับภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ดูแลชายแดนด้านภาคตะวันออกตอนบน (สระแก้ว)
3) กองบัญชาการป้องกันชายแดนด้านจันทบุรีและตราด (กปช. จต.) กับภูมิภาคทหารที่ 3 ดูแลชายแดนด้านภาคตะวันออกตอนล่าง (จันทบุรีและตราด)
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นกลไกระดับทวิภาคี ซึ่งมีเป้าหมายจัดการปัญหาชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา แต่นอกจากนี้ ยังมีกลไกระดับอื่นๆ ทั้งระดับภูมิภาค เช่น กรอบความร่วมมืออาเซียน (Association of Southeast Asian Nations หรือ ASEAN) จนถึงระดับระหว่างประเทศ เช่น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council หรือ UNSC) และศาลยุติธรรม ระหว่างประเทศ (International Court of Justice หรือ ICJ) ซึ่งที่ผ่านมากลไกเหล่านี้ก็เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในการเจรจาข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชามาแล้ว
อ้างอิงจาก