เกิดการประท้วงขึ้นในเมืองเวนิส หลังมีกระแสต่อต้าน เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos) มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Amazon เพราะมองว่าเป็น ‘การเอารัดเอาเปรียบ’ เมือง ทั้งทำให้คนเดินทางลำบาก ซ้ำเติมปัญหานักท่องเที่ยวล้น รวมถึงสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม
สื่อต่างประเทศรายงานว่า เจฟฟ์ เบโซส์ กำลังเตรียมงานแต่งงานกับ ลอเรน ซานเชซ ที่เมืองเวนิส โดยคาดกันว่างานนี้จะจัดอย่างยิ่งใหญ่
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของเมืองเวนิส จะยังไม่ยืนยันรายละเอียดงานแต่งงาน แต่สื่ออิตาลีรายงานว่างานนี้จะจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันอังคารกับวันพฤหัสบดีในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าพิธีวิวาห์จะจัดขึ้นบนเกาะซานจอร์โจ (San Giorgio) ในขณะที่สถานที่จัดพิธียังคงไม่เปิดเผย
งานนี้ก็ไม่ใช่งานธรรมดาทั่วไป เพราะมีข่าวลือว่ารายชื่อแขกที่มาร่วมงานแต่งงานครั้งนี้ มีทั้ง โอปราห์ วินฟรีย์, มิก แจ็กเกอร์, อิวานกา ทรัมป์ รวมถึง เคธี่ เพอร์รี่
แม้ผู้ประท้วงจะไม่ได้มีปัญหากับการแต่งงานครั้งนี้ แต่หลายคนไม่พอใจกับการทำเมืองให้เป็นเรื่องของเอกชน (privatisation) พร้อมกับการเอารัดเอาเปรียบเมืองเวนิส
จนเกิดเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรต่างๆ ในเวนิสกว่า 10 แห่ง พร้อมทั้งผู้เคลื่อนไหวด้านที่อยู่อาศัย ผู้รณรงค์ต่อต้านเรือสำราญ และกลุ่มมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่รวมตัวกันในนาม ‘No Space for Bezos’ ซึ่งเป็นการเล่นคำที่อ้างอิงถึงเที่ยวบินอวกาศล่าสุดของเจ้าสาว
“เขากำลังจะทำกับทั้งเมืองเหมือนเป็นห้องบอลรูมส่วนตัว เป็นพื้นที่จัดงานส่วนตัว ราวกับว่าไม่มีประชาชนอยู่ที่นั่น” อลิซ บาซโซลี (Alice Bazzoli) นักเคลื่อนไหวจาก No Space for Bezos กล่าว
นักเคลื่อนไหวย้ำว่า งานวิวาห์หรูหราครั้งนี้จะปิดเมืองบางส่วน จนทำให้คนท้องถิ่นเดินทางลำบาก อีกทั้งยังสร้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการแล่นเรือยอช์ตในคลอง
ด้านเฟเดอริกา โทนิเนลลี (Federica Toninelli) อีกหนึ่งนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มดังกล่าว ระบุว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เวนิสต้องการ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เมืองที่กำลังประสบปัญหาการท่องเที่ยวล้นเกินอยู่แล้วต้องการ”
เธอย้ำว่า ที่ผ่านมาเมืองนี้ต้องดิ้นรนกับปัญหานักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้คนหลายล้านคนที่มาเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมอันงดงาน ต้องอยู่กันอย่างแออัดในเวนิส ขณะที่ค่าครองชีพของคนท้องถิ่นสูงขึ้น
ผู้ประท้วงยกให้การจัดงานครั้งนี้ เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวในการบริหารเมือง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว มากกว่าความต้องการขอคนท้องถิ่น โดยหลายคนมองว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะสร้างรายได้แหล่งใหม่ๆ แต่ส่วนใหญ่กลับสร้าง ‘งานชั่วคราว’ ที่มี ‘รายได้ต่ำ’ เท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังไม่พอใจกับปัญหาที่อยู่อาศัยราคาแพง ขณะคนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองเวนิสก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเพราะจ่ายค่าเช่าไม่ไหว รวมถึงขายบ้านให้คนนอกได้ในราคาสูง ซึ่งผู้ประท้วงตั้งคำถามว่า “เราต้องการอาศัยอยู่ในเมืองเหมือนคนทั่วไป หรือขายเมืองในราคาที่ดีที่สุด?”
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (23 มิถุนายน 2025) กรีนพีซก็ได้เข้าร่วมการประท้วงพร้อมกับกลุ่ม “Everyone Hates Elon” ของอังกฤษ เพราะต้องการดึงความสนใจไปที่ประเด็นภาษี ที่มหาเศรษฐีหลายคนจ่ายในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ในขณะที่หลายฝ่ายกล่าวหาว่า คนเหล่านี้ทำให้วิกฤตสภาพอากาศเลวร้ายลง ด้วยวิถีชีวิตที่ไม่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
ในวันเดียวกัน มีการเปิดตัวแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ณ จัตุรัสเซนต์มาร์ก ด้วยภาพเบโซส์กำลังหัวเราะ ที่ระบุว่า “หากคุณสามารถเช่าเมืองเวนิสเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานได้ คุณก็ต้องจ่ายภาษีเพิ่มได้”
ด้านเจ้าหน้าที่อิตาลีและเวนิส ต่างวิพากษ์วิจารณ์การประท้วงครั้งนี้อย่างชัดเจน และต้อนรับการจัดงานวิวาห์ของคู่บ่าวสาวด้วยความยินดี ซึ่งก่อนหน้านี้เมืองเวนิสปฏิเสธว่า งานดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อคนท้องถิ่น โดยระบุว่าบริการเรือแท็กซี่จะให้บริการตามปกติ และงานนี้ได้เชิญแขกมาเพียง 200 คนเท่านั้น
ด้าน ลุยจิ บรุญญาโร นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส กล่าวว่าเขารู้สึก “เป็นเกียรติ” ที่เมืองนี้เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ขึ้น โดย “เวนิสได้พิสูจน์อีกครั้งแล้วว่าเป็นเวทีระดับโลก”
อ้างอิงจาก