รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งถูกมองว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุด วางแนวคิดในการออกแบบโครงสร้างการเมือง โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้ง ส.ส. (ให้มีบัตร 2 ใบ เลือก ส.ส.เขต 400 คน กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำพรรคที่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คือได้คะแนน 5% ขึ้นไป) มุ่งให้เกิดรัฐบาลที่เข้มแข็ง เพื่อแก้ไขปัญหารัฐบาลผสมที่อ่อนแอในอดีต จะได้เดินหน้าผลักดันนโยบายหรือทำภารกิจต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องราวความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล
แต่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน กลับถูกเขียนขึ้่นโดยใช้แนวคิดที่สวนทางกัน โดยเฉพาะการเปลี่ยนระบบการเลือกตั้ง กลับมาใช้บัตรใบเดียว และใช้วิธีคิดคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสม (mixed member apportionment system หรือ MMA) ด้วยข้ออ้างว่า “เพื่อป้องกันเสียงตกน้ำ”
ทว่าระบบการคิดคะแนนแบบ MMA อันซับซ้อน นำคะแนนเลือก ส.ส.เขต 350 คน ไปหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน ทำให้การเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562 มีพรรคที่ได้ ส.ส. มากถึง 27 พรรคการเมือง ‘มากที่สุดในประวัติศาสตร์’ ผลที่ตามมา คือการจัดตั้งรัฐบาลเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีการต่อรองตำแหน่งทางการเมือง จนกว่าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งได้รับให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย (ด้วยความช่วยเหลือจาก ส.ว.แต่งตั้ง ที่โหวตให้ 99%) ก็ใช้เวลาในการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ถึงเกือบ 2 เดือน
ขณะที่การทำงานในระยะเวลาต่อมา ก็เต็มไปด้วยความยุ่งยาก จากปัญหา ‘เสียงปริ่มน้ำ’ (จำนวน ส.ส.รัฐบาลกับฝ่ายค้านไม่ห่างกันมากนัก) ในช่วงแรกๆ ทำให้เกิดเหตุการณ์สภาล่มอยู่หลายครั้ง ไม่รวมถึงศัพท์ปริศนาว่าด้วยเรื่องการ ‘แจกกล้วย’ ให้กับพรรคร่วมรัฐบาล อยู่เป็นระยะ
#แก้ไขรัฐธรรมนูญ #รัฐธรรมนูญของเรา #ourconstitution #TheMATTER