‘โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า’ ซึ่งเคยใช้ชื่อว่า 30 บาทรักษาทุกโรค และต่อมาเปลี่ยนเป็น ‘บัตรทอง’ ถูกผู้มีอำนาจในรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วิจารณ์อยู่หลายครั้งว่า ใช้งบประมาณค่อนข้างมาก กระทั่งมีผู้เสนอแนวคิดให้ผู้ป่วยร่วมจ่าย หรือ co-payment นำมาสู่เสียงต่อต้านอย่างกว้างขวาง เพราะมองว่าจะไปกีดกันคนจำนวนมากให้ ‘เข้าไม่ถึง’ บริการทางสาธารณสุข ผู้เกี่ยวข้องจึงยังไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไร
เมื่อรัฐธรรมนูญไปเขียนไว้ในมาตรา 47 วรรคสองว่า “บุคคล #ผู้ยากไร้ ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ”
หลายๆ ฝ่าย จึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงไปกำหนดว่าเฉพาะ ‘ผู้ยากไร้’ ไม่ใช่ ‘คนทั่วไป’ ทุกๆ คน ?
เนื้อหากฎหมายเช่นนี้จะกระทบกับบัตรทองหรือไม่ ซึ่งเป็นบริการสาธารณสุขขั้นพื้นที่ ที่มีผู้รับบริการ 48 ล้านคน หรือไม่ (ประกันสังคม 10 ล้านคน สวัสดิการข้าราชการ 5 ล้านคน) หรือไม่ ?
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จึงต้องเรียงหน้าออกมาชี้แจงว่า เนื้อหาของรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว จะไม่ไปกระทบกับโครงการบัตรทอง แถมยังมีเนื้อหาในมาตรา 258 ช. (4) ซึ่งว่าด้วยการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ที่เขียนไว้ว่า “ให้ปรับ #ระบบหลักประกันสุขภาพ ให้ประชาชนได้รับสิทธิและประโยชน์จากการบริหารจัดการและการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพและสะดวกทัดเทียมกัน” ซึ่งทาง กรธ.มองว่า เป็นการเพิ่มคุณภาพการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชนเสียด้วยซ้ำ
แม้จะมีคำชี้แจงดังกล่าว แต่เอ็นจีโอด้านสุขภาพหลายๆ คนก็ยังมองว่า การเขียนคำ ‘ผู้ยากไร้’ ขึ้นมาแทนที่จะระบุว่า ‘ทุกๆ คน’ จะไปสร้างความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุขในอนาคต หรืออาจตีเช็คเปล่าให้ผู้มีอำนาจในอนาคตได้ยกเลิกหรือปรับปรุงโครงการบัตรทอง หรือไม่
อ้างอิงจาก
https://thaipublica.org/2016/06/referendum-5/
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF
https://thematter.co/…/talk-surapong-suebwonglee…/86904
#แก้ไขรัฐธรรมนูญ #รัฐธรรมนูญของเรา #ourconstitution #TheMATTER
