ช่วงที่ผ่านมามีประเด็นเรื่องรถไฟอย่างกว้างขวาง ท่านผู้นำของเราเริ่มบอกว่าเราต้องลงทุนเพื่อสร้างรถไฟแล้วนะ ส่วนในรายละเอียดว่าจะเป็นรถไฟจากไหน ความเร็วเท่าไหร่ ใครเป็นเจ้าของ บ้านเราได้เสียคุ้มค่าแค่ไหน ก็ค่อยว่ากันไป
‘รถไฟ’ ถือเป็นนวัตกรรมที่สำคัญของโลกสมัยใหม่ เป็นตัวแทนของความเจริญรูปแบบหนึ่งที่ตัดและนำเอาสิ่งต่างๆ ไปสู่พื้นที่ที่ห่างไกล นึกภาพสมัยก่อนเราอาจจะต้องใช้รถม้าในการเดินทาง แต่พอเกิดการเดินทางด้วยรถไฟปุ๊บ การเดินทางก็สะดวกรวดเร็วขึ้น มีการขนคนเป็นจำนวนมากๆ ในรถเที่ยวเดียวกัน และผู้คนก็มีการใช้เวลาในขณะเดินทางร่วมกัน วัฒนธรรมการอ่านหนังสือขณะเดินทางก็เกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้นของรถไฟด้วย
ดังนั้น ในยุคหนึ่ง ด้วยความที่รถไฟเป็นพื้นที่ที่คนแปลกหน้าขึ้นมาใช้เวลาด้วยกัน ด้วยระยะเวลาที่ไม่สั้นเหมือนเครื่องบิน และไม่ได้มีความเป็นส่วนตัวแบบรถยนต์ ไปจนถึงในอังกฤษอันเป็นแห่งสำคัญของงานแนวสืบสวน ในวรรณกรรมแนบสืบสวนยุคเฟื่องฟู เช่นใน ‘Murder on the Orient Express’ หนึ่งในงานสำคัญของคริสตี ซึ่งใช้ฉากระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟเป็นพื้นที่ที่เกิดการฆาตกรรมขึ้น หรือในเชอร์ล็อค โฮล์มส์ก็มีบางตอนที่พูดถึงการนั่งรถไฟเพื่อไปยังสถานที่ลึกลับที่เกิดคดีขึ้น
ในยุคหลังรถไฟก็เป็นตัวแทนของการเดินทางที่เชื่อมระหว่างโลกหนึ่งไปอีกโลกหนึ่ง เวลาที่เรานึกถึงรถไฟก็มักจะมีประกายของความพิเศษ เป็นการเดินทางที่เชื่อมกับอดีตหรือโลกอีกใบ เหมือนกับในแฮรรี่ พอตเตอร์ ที่อ้างอิงกลับไปวัฒนธรรมระบบรางของอังกฤษ อันเป็นหนึ่งในเครื่อข่ายการเดินทางที่เก่าแก่ที่ใช้เพื่อข้ามกลับไปยังโลกแห่งเวทมนตร์
รถไฟจึงเต็มไปด้วยมิติทางจินตนาการ เป็นการเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งที่มีความหมายมากกว่าเดินทาง สำหรับบ้านเราอาจจะนึกถึงหัวลำโพง นึกถึงการเฝ้ารอผู้คน นึกถึงการเดินทางเขาสู่กรุงเทพเพื่อแสวงหาความหวังเหมือนกับในเพลงลูกทุ่ง อาจจะนึกถึงการเดินทางคนหาตัวตนของวัยรุ่นในหนังแนวเติบโตสักเรื่อง รถไฟไม่ว่าจะเอาไว้ขนคนหรือขนผักก็ล้วนส่งผลต่อวิถีชีวิตและจินตนาการของผู้คน The MATTER จึงได้รวบรวม ‘รถไฟ’ จากวรรณกรรมอันเป็นพื้นที่ที่บันทึกทั้งชีวิตและจินตนาการของผู้คนเอาไว้
Dombey and Son (1846-1848) – Charles Dickens
ในยุคที่รถในอังกฤษเฟื่องฟู ผู้คนใช้รถไฟเป็นรูปแบบการเดินทางหลัก Dombey and Son นวนิยายของดิกเกนส์ ถือกันว่าเป็นนวนิยายแนวการเดินทางด้วยรถไฟ (railway novel) คือเป็นนวนิยายที่เริ่มให้ภาพว่าวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเกิดรถไฟและ ‘เมือง’ ขึ้น ภูมิหลังในขณะที่นวนิยายเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในช่วงที่สังคมอังกฤษกำลังเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่จากความเฟื่องฟูของกิจการรถไฟในช่วงปี 1844-1847 นักวิจารณ์บางคนบอกว่างานชิ้นนี้ไม่ได้ให้ภาพประสบการณ์การเดินทางด้วยรถไฟเท่าไหร่ แต่โดยภาพรวมให้ภาพกว้างๆ ของความเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากเทคโนโลยีใหม่ โดยรวมเนื้อหาพูดถึงตัวเจ้าของกิจการขนส่งสินค้า (shipping company) ที่ต้องการให้ลูกชายรับช่วงกิจการของตัวเองต่อไป
Murder on the Orient Express (1934) – Agatha Christie
‘รถไฟ’ ดูจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในเรื่องแนวสืบสวนหรือลึกลับ Murder on the Orient Express ของอากาธา คริสตีถือได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นแบบที่มีรถไฟเป็นฉากฆาตกรรมหลักของเรื่อง รถไฟจึงไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งแต่ยังมีมิติทางอารมณ์แฝงอยู่ในนั้น รถไฟเป็นจุดเปลี่ยนผ่าน เป็นเรื่องการเดินทางไกล การจากลา การพลัดพราก และการตัดสินใจย้ายจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง ภาพของโบกี้รถไฟจึงอบอวลไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก การเดินทางด้วยรถไฟเป็นการบังคับให้ผู้คนมาอยู่รวมกันในระยะเวลาหนึ่งๆ ขณะเดินทางก็เป็นเงื่อนไขที่เหมาะสมยิ่งกับการที่การฆ่าและการสืบสวนจะเกิดขึ้น ใน Murder on the Orient Express ปัวโรต์ นักสืบหลักของคริสตีต้องไขคดีการฆาตกรรมบนรถไฟสาย Orient Express ในการเดินทางกลับจากอิสตันบูลไปยังลอนดอน
The Railway Series books, Thomas the Tank Engine (1946) – Reverend Wilbert Awdry
Thomas the Tank Engine เจ้ารถไฟมีชีวิตที่มีลูกตา พูดจาได้ เป็นหนึ่งในตัวละครที่น้องๆ หนูๆ ชื่นชอบ โทมัสที่ดูน่ารักปนหลอน เป็นตัวละครที่เด็กๆ ชื่นชอบปรากฏตัวครั้งแรกในวรรณกรรมชุด ‘The Railway Series’ เขียนโดยบาทหลวง Wilbert Awdry โทมัสปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1913 ในเล่มที่ 2 ของซีรีส์ หลังจากนั้นเจ้าโทมัสโด่งดังจากการเป็นตัวละครหลักในซีรีส์ทางโทรทัศน์ชุด Thomas & Friends
Strangers on a Train (1950) – Patricia Highsmith
หนึ่งในงานที่โด่งดังด้วยฝีมือกำกับของ Alfred Hitchcock เรื่อง Strangers on a Train เป็นนวนิยายแนวระทึกขวัญจิตวิทยาที่มีการดำเนินเรื่องที่ซับซ้อน ต้นฉบับเขียนโดย Patricia Highsmith ว่าด้วยชายแปลกหน้าสองคนที่เจอกันบนรถไฟ นึกสภาพการที่เจอคนแปลกหน้าแต่สุดท้ายทั้งสองต่างเล่าปมและภูมิหลังของตนเองให้แก่กัน ก่อนจะนำไปสู่การ ‘แลกกัน’ ฆ่าเพื่อล้างปมของอีกฝ่ายโดยใช้ ‘ความแปลกหน้า’ ให้เป็นประโยชน์ – เพื่อที่จะป้องกันการสืบสาวไปถึงเหตุจูงใจ
Harry Potter (1997-2007) – J. K. Rowling
ชานชาลาที่ 9 ¾ ที่เรารู้จักกันดี สำหรับเจ.เค. แล้วถ้าจะสร้างโลกคู่ขนานจะมี ‘หนทาง’ ที่จะเดินทางเชื่อมไปยังโรงเรียนพ่อมดอะไรที่เหมาะสมไปกว่า ‘รถจักรไอน้ำ’ หนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของอังกฤษที่โด่งดัง ดังนั้นรถไฟจึงไม่ได้เป็นแค่พาหนะ แต่ยังรุ่มรวยไปด้วยมนตร์ขลังและประวัติศาสตร์ของลอนดอนเอง ‘Hogwarts Express’ จึงเป็นทางเชื่อมหลักที่เปลี่ยนผ่านบรรยากาศลอนดอนธรรมดา ไปสู่โลกแห่งพ่อมด
The Girl on the Train (2015) – Paula Hawkins
จาก Murder on the Orient Express ในปี 1934 และ Strangers on a Train ในปี 1950 มาจนกระทั่งปี 2015 รถไฟก็ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีผลทางจิตวิทยากับผู้คนอยู่ The Girl on the Train เป็นนวนิยายแนวลึกลับจิตวิทยาโดยนักเขียนชาวอังกฤษ Paula Hawkins เป็นนวนิยายที่เล่าผ่านผู้หญิง 3 คนที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและปมในจิตใจที่เกิดขึ้น เป็นการใช้บรรยากาศการนั่งรถไฟในชีวิตประจำวันเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้คนที่เราเห็นกันมากหน้าหลายตา ลึกๆ แล้วภายในใจอาจจะแบกรับอดีตและความบุบสลายไว้
Charlie the Choo-Choo (2016) – Stephen King
โทมัส รถไฟน่ารักของเด็กๆ Stephen King เจ้าพ่อหนังสยองขวัญก็มี ‘นิทานเด็ก’ คล้ายๆ โทมัสแต่ของพี่เป็นรถไฟผี เจ้าชาร์ลี เดอะ ชู ชู เป็นหนังสือเด็กจากในนวนิยายเรื่อง The Dark Tower III: The Waste Lands ในปี 2016 คิงเลยจัดการเขียนเจ้าชาร์ลี เดอะ ชู ชู ออกมาเป็นเล่มจริงซะเลย โดยตีพิมพ์เป็นเล่มกับสำนักพิมพ์ Simon & Schuster Books เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา