กว่าหนึ่งปีที่ปิดไป วันนี้ “ลิโด” ได้กลับมาอีกครั้ง!
แต่การกลับมาของ “ลิโด” ในครั้งนี้ไม่ธรรมดา แม้แต่ในชื่อยังเปลี่ยนเป็น “ลิโด้” แบบมี ‘ไม้โท’ ด้วย ซึ่งเราสามารถมองได้ว่านี่คือการสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นของศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่คนกรุงจำนวนมากคุ้นเคยและผูกพัน
Young MATTER ถือโอกาสนี้พาทุกคนไปดูกันว่า “LIDO CONNECT” มีอะไรรอให้พวกเราไปค้นหาบ้าง
“ลิโด” กลับมาอีกครั้งในชื่อ “ลิโด้” ที่มี ‘ไม้โท’ ซึ่งก็เหมือนกับการเติบโตขึ้นของศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่ชาวกรุงหลายคนคุ้นเคยและผูกพันมานาน
การเติบโตของ “ลิโด” เป็น “ลิโด้” สะท้อนให้เห็นถึงสีสันของ “ลิโด้” ที่เข้มข้นขึ้นตามเวลาที่เปลี่ยนไป เหมือนกับเสียงวรรณยุกต์ ‘ไม้โท’ ที่ปรากฏออกมาชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่หลบซ่อนอยู่ในรูปแบบของเสียง “ลิโด” เหมือนในยุคแรก
สังเกตได้จากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยสร้างสีสันเพื่อให้ก้าวทันยุคสมัย รวมไปถึงบริเวณด้านหน้าที่โล่งและกว้างขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาเป็นส่วนร่วมและแสดงผลงานของตัวเองสู่สาธารณะ
“ลิโด้” จึงกลับมาในฐานะ co-cultural space ที่เปิดโอกาสให้คนต่างรุ่นต่างวัยเข้ามาชื่นชมและแสดงฝีมือได้เต็มที่
แต่ “ลิโด้” ก็ยังคงอนุรักษ์ความทรงจำจากอดีตเอาไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ‘สูทเหลือง’ ที่เราคุ้นเคย…
ร้าน “ลิโด้ดีวีดี” ในตำนาน…
ตู้ของเล่นหยอดเหรียญแบบไทยๆ …
โรงหนังที่หลายคนผูกพัน…
หรือแม้แต่ของคู่โรงหนังอย่าง ‘ป๊อปคอร์น’ ที่หลายคนชอบซื้อ
“LIDO CONNECT” จึงเป็นเหมือน connection หรือสะพานเชื่อมระหว่างรุ่น ที่คนต่างวัยแต่ ‘หัวใจยังละอ่อน’ สามารถมาเจอกันได้
“ลิโด้” ที่มาพร้อม ‘ไม้โท’ จึงเป็นเหมือนการกลับมาของสถานที่ที่หลายคนผูกพัน พร้อมกับพื้นที่เปิดมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่การเป็นโรงหนังอย่างเดียว แต่ยังเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมสมัยนิยมในรูปแบบอื่นๆ รวมถึงยังเปิดกว้างให้คนต่างวัยมาใช้เวลาร่วมกันได้
แต่ทั้งนี้ก็นับเป็นความท้าทายของ “ลิโด้” ว่าจะสามารถเชื่อมผู้คนเข้าหากันได้มากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางกระแสการใช้ชีวิตของคนเมืองที่เปลี่ยนไปและอาจนิยมการเดินห้างหรูหรามากขึ้น อนาคตของ “ลิโด้” จึงเป็นอะไรที่น่าจับตา