ภัยทางธรรมชาติครั้งใหญ่เกิดถี่และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นิวยอร์กเองก็เช่นกัน เพราะพวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเหตุน้ำท่วมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ ที่ตอนนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 43 ราย
เหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ เป็นผลมาจากเฮอร์ริเคนที่มีชื่อเรียกว่า ‘ไอดา’ เข้าพัดถล่มทางตะวันออกของสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดเหตุน้ำท่วมเฉียบพลัน บิลล์ เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีของเมืองนิวยอร์กระบุว่า นิวยอร์กกำลังเผชิญหน้าอยู่กับ “เหตุมหันตภัยน้ำท่วมที่รุนแรง” ทั้งนี้ นิวยอร์กได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมเหตุการณ์แล้ว
เฮอร์ริเคนไอดาเข้าถล่มนิวยอร์ก จนส่งผลให้เกิดฝนตกอย่างหนัก โดยเพียงแค่ในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง มีรายงานว่าฝนได้ตกลงมาจนทำให้ระดับน้ำท่วมพุ่งสูงขึ้นกว่า 3.24 นิ้ว ร้ายแรงกว่าสถิติน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นเดิมใน ค.ศ.2006 ที่ 2.35 นิ้ว ทั้งนี้ ด้วยอัตราฝนที่ถล่มอย่างหนัก ส่งผลให้ถนนไปจนถึงรถไฟฟ้าใต้ดินของนิวยอร์ก พบกับเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลให้การจราจรของนิวยอร์กหยุดชะงักลงโดยอัตโนมัติ
น้ำท่วมฉบับพลันในครั้งนี้ ได้ไหลหลากเข้าปิดทางสัญจรไปมา ตั้งแค่นิวเจอร์ซีย์ไปจนถึงนิวยอร์ก ลามไปถึงย่านแมนฮัตตัน บรองซ์ และควีนส์ จากรายงานเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 43 ราย จำนวนไม่น้อยคือเหยื่อผู้ไม่สามารถหลบหนีน้ำท่วมเฉียบพลันจากชั้นใต้ดินของบ้านได้ทันเวลา
นี่เป็นครั้งแรกในประวัตศาสตร์ที่ทางการของนิวยอร์ก ได้ประกาศสัญญาณเตือนระดับน้ำท่วมฉุกเฉิน โดยพวกเขาเร่งอพยพประชาชนขึ้นที่สูงแล้ว ในประกาศของศูนย์บริการสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ ออกเตือนประชาชนว่า “คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าน้ำในบริเวณนั้นลึกขนาดไหน และมันอันตรายเป็นอย่างมาก”
ปัจจุบันนี้ บ้านจำนวนอย่างน้อย 7 หมื่นหลังคาเรือนในนิวยอร์ก ถูกตัดขาดจากระบบไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ และมันมีทีท่าที่จะแย่ลงไปกว่าเดิม โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงว่า เฮอร์ริเคนและเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ เป็นความท้าทายใหญ่ครั้งหนึ่ง เท่าที่สหรัฐฯ เคยเจอมาในช่วงเวลาของพวกเขา
“ความเสียหายเกิดขึ้นไปทั่วทุกแห่ง และมันเป็นเรื่องความเป็นความตาย และเราทุกคนจะอยู่เคียงข้างกัน” ไบเดนกล่าว ทั้งนี้ ไบเดนระบุว่ารัฐบาลกลางสหรัฐฯ พร้อมให้การช่วยเหลือนิวยอร์กในทุกมิติ เพื่อรับมือกับเหตุอันร้ายแรงในครั้งนี้
เฮอร์ริเคนเกิดขึ้นถี่ขึ้นในภูมิภาคของสหรัฐฯ โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่า มันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโดยตรง เนื่องจากเฮอร์ริเคนที่มีแรงกำลังมากขึ้น จะสามารถอุ้มน้ำจากมหาสมุทรได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน เหตุเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผิวน้ำของมหาสมุทรมีอุณภูมิที่ร้อนขึ้น มันจึงส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนของสภาพภูมิอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/live/2021/09/02/nyregion/nyc-storm
#Brief #TheMATTER