นับเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ กับคดีกราดยิงศูนย์เด็กเล็กที่จังหวัดหนองบัวลำภู ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 36 ราย โดยมากเป็นเด็ก ขณะเดียวกันก็มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลหนองบัวลำภูต้องประกาศขอรับบริจาคเลือดทุกกรุ๊ปจำนวนมาก (ตอนนี้มีเพียงพอแล้ว)
ขณะที่ผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพร้อมกับภรรยาและลูก โดยมีประวัติว่าเป็นตำรวจนอกราชการ เคยรับราชการอยู่ที่ สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ก่อนถูกไล่ออกจากราชการ เนื่องจากมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
เหตุการณ์นี้สร้างคำถามให้กับสังคมไทยอีกครั้ง นับตั้งแต่เหตุกราดยิงโคราช เมื่อปี 2563 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย และผู้ก่อเหตุเป็นทหาร มาจนถึงเรื่องราวในครั้งนี้ ที่ผู้ก่อเหตุก็อยู่ในแวดวงข้าราชการอีกเช่นกัน
ประเด็นนี้ทำให้เกิดคำถามตามมาอีกมาก อย่างวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทวีตข้อความว่า จากเหตุกราดยิงโคราชถึงกราดยิงหนองบัวลำภู สะท้อนว่าในวงการนทหารและตำรวจ ต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงปัญหาสุขภาพจิต และปัญหาการบังคับบัญชา
“ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ ชีวิตของประชาชนก็ต้องตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงของคนที่มีอาวุธอยู่ในมือเหล่านี้”
ขณะเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากก็ชวนกันตั้งคำถามต่อเรื่องนี้ เช่น คำถามต่อการครอบครองปืนของผู้ก่อเหตุ ที่แม้จะเป็นอดีตราชการแต่ก็ยังครอบครองปืนได้อยู่ นำมาสู่เหตุการณ์กราดยิงในครั้งนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ปัญหาการแจ้งเตือนประชาชนถึงเหตุด่วนที่เกิดขึ้น และความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของประชาชน
นอกจากนี้ ยังมีคำถามด้านสุขภาพจิตที่ต้องนำมาคิดต่อว่า เกิดอะไรขึ้นในระบบราชการโดยเฉพาะสายอาชีพตำรวจ-ทหาร ที่ทำให้เกิดเหตุกราดยิงซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องมาจับตาดูการช่วยเหลือเยียวยาสภาพจิตใจของผู้รอดชีวิตและผู้สูญเสียด้วยเช่นกัน