เป็นประเด็นที่ยังถกเถียงกันอยู่ เมื่อรัฐบาลฝรั่งเศสออกกฎหมายห้ามนักเรียนใส่ชุดอาบายะห์เพื่อลดความแปลกแยก แต่สังคมกลับมองว่ายิ่งเป็นการตอกย้ำความเกลียดกลัวชาวอิสลามในยุโรป (islamophobia) ให้เพิ่มขึ้น และล่าสุดโรงเรียนหลายแห่งในฝรั่งเศสสั่งให้นักเรียนหญิงที่ใส่ชุดอาบายะห์หรือเครื่องแบบสตรีชาวมุสลิมกลับบ้าน เพราะถือว่าไม่ทำตามกฎ
เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นวันแรกของปีการศึกษาใหม่ในฝรั่งเศส แต่ทางโรงเรียนกลับส่งเด็กผู้หญิงหลายคนกลับบ้าน “เนื่องจากพวกเธอปฏิเสธที่จะถอดชุดอาบายะห์ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งที่ห้ามสวมเสื้อผ้าที่เกี่ยวข้องกับมุสลิม โดยเด็กส่วนใหญ่เลือกที่จะทำตาม ยกเว้นเด็กจำนวน 67 คน ดังนั้นพวกเธอจึงต้องกลับบ้าน” กาเบรียล แอตตัล (Gabriel Attal) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการกล่าว
อย่างไรก็ดี รัฐบาลฝรั่งเศสเริ่มประกาศคำสั่งดังกล่าวตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยระบุว่า “ผ้าคลุมศีรษะของชาวมุสลิมถือเป็นสัญลักษณ์ของการนับถือศาสนาแต่มีความเกี่ยวโยงในด้านการเมืองด้วย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องสั่งห้าม เพราะในขณะนี้สังคมฝรั่งเศสกำลังประสบกับปัญหาความขัดแย้งในมิติทางการเมือง”
แต่ผู้คนมากมายกลับแย้งว่า “การกระทำดังกล่าวเป็นการลดทอนสิทธิและเสรีภาพของพลเมือง” ทั้งนี้ สมาคมที่เป็นตัวแทนของชาวมุสลิมได้ยื่นคำร้องต่อสภาแห่งรัฐซึ่งเป็นศาลสูงสุดของฝรั่งเศส เพื่อให้พวกเขายกเลิกการใช้กฎดังกล่าว “การห้ามใส่ชุดอาบายะห์อาจทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติมากขึ้น” สภาศรัทธามุสลิมแห่งฝรั่งเศส (CFCM) ตัวแทนของชาวมุสลิมระบุเสริม
นอกจากนี้ ฝรั่งเศสเคยออกกฎหมายในลักษณะคล้ายคลึงกันมาแล้วเมื่อปี 2004 โดยสั่งห้ามให้นักเรียนติดป้ายหรือสวมใส่เครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงการนับถือศาสนาของตนในโรงเรียน รวมทั้งการพกไม้กางเขนคริสเตียน สวมหมวกคิปปาห์ของชาวยิวและฮิญาบของชาวมุสลิม
อ้างอิงจาก