แม้คนเมืองหลายคนจะวิจารณ์กันอยู่ตลอดว่า ค่าเดินทางโดยรถไฟฟ้านั้นช่างสวนทางกับค่าครองชีพในปัจจุบันเหลือเกิน แต่ถึงเช่นนั้น ล่าสุดทางกรุงเทพมหานครก็ยังอนุมัติค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ตลอดสาย 104 บาท(ชั่วคราว) ซึ่งเกือบจะเท่ากับ 1 ใน 3 ของค่าแรงขั้นต่ำเลยทีเดียว นำมาซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมายในสังคมออนไลน์
หลังจากที่ทาง กทม.ให้ประชาชนใช้บริการฟรีส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งตามกำหนดนั้นได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม ทางกทม. ได้อนุมัติให้ประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าฟรีไปอีกหนึ่งเดือน โดยในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จะกลับมาเริ่มเก็บค่าโดยสารใหม่ และมีการอัพเดตค่าโดยสารใหม่ เป็นตลอดสายไม่เกิน 104 บาท (ชั่วคราว)
สำหรับการปรับค่าโดยสารใหม่ จะแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ดังนี้
- ช่วงสัมปทานของบีทีเอส (หมอชิต – ออนนุช และสนามกีฬาฯ – สะพานตากสิน ค่าโดยสาร 16-44 บาท
- ส่วนต่อขยายหมอชิต – คูคต ค่าโดยสาร 15-45 บาท ปรับขึ้นสถานีละ 3 บาท
- ส่วนต่อขยายอ่อนนุช-เคหะสมุทรปราการ ค่าโดยสาร 15-45 บาท ปรับเพิ่มขึ้นสถานีละ 3 บาท
- ส่วนต่อขยายสะพานตากสิน – บางหว้า ค่าโดยสาร 15-33 บาท ปรับเพิ่มขึ้นสถานีละ 3 บาท
สืบเนื่องจากการปรับราคาขึ้นตามข้อมูลดังกล่าว นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงการตั้งคำถามถึงเหตุผล และความโปร่งใสในการขึ้นราคารถไฟฟ้า BTS สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร จึงได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีการปรับอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมด โดยมีรายละเอียดสำคัญต่างๆ ดังนี้
สำหรับประเด็นการขึ้นค่าโดยสารในส่วนต่อขยาย กทม. อธิบายว่า กทม. ได้เปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตั้งแต่ วันที่ 3 เมษายน ปี พ.ศ. 2561 และเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบ ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563 แต่ในช่วงทดลองให้บริการยังไม่มีการเดินรถเต็มรูปแบบ จึงไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี
ดังนั้นเมื่อมีการเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบ ประกอบกับ กทม. มีภาระค่าใช้จ่ายในการเดิน รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย จึงต้องเริ่มเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้ใช้บริการในส่วนต่อขยายสายสีเขียว ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บริการในช่วงหมอชิต-อ่อนนุช ยังคงเสียอัตราค่าโดยสารเท่าเดิม และจะไม่มีการเรียกเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนกันระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยประชาชนจะจ่ายค่าแรกเข้าการใช้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพียงครั้งเดียวต่อรอบ
นอกจากนี้ ยังชี้แจงถึงจำนวนค่าบริการตลอดสาย ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ที่ 104 บาท ทาง กทม. ให้เหตุผลว่า เดิมทีอัตราค่าโดยสารของโครงการสายสีเขียวสูงสุดตลอดสายจะอยู่ที่ 158 บาท แต่เพื่อต้องการช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 จึงปรับค่าโดยสารตลอดสายสูงสุดมาอยู่ที่ 104 บาท
ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ กทม. พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว เนื่องจากการที่ กทม. ปรับค่าบริการมาอยู่ที่ 104 บาท จะทำให้ กทม. ขาดทุนจากการดําเนินการส่วนต่อขยายประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท เมื่อนับรวมตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 จนถึงปี พ.ศ.2572 จะมีผลขาดทุนถึงประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กทม. อยู่ระหว่างการนําเสนอแก้ไขสัญญาสัมปทานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งหากมติดังกล่าวผ่าน การแก้ไขสัญญาสัมปทานจะลดอัตราค่าโดยสารสูงสุดจาก 100 บาท เป็น 65 บาท (ลดลง 39 บาท)
โดยทาง กทม. ได้ชี้แจงไว้ตอนท้ายว่า ภายใต้อํานาจของ กทม. จะพยายามแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่างดีที่สุด เพื่อลดผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชน โดย กทม. จะเร่งดำเนินการเพื่อที่จะให้สามารถปรับอัตราค่าโดยสาร ให้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายลดลงมาเหลือ 65 บาทเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อ้างอิงจาก
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/917581
https://www.prachachat.net/property/news-595457
https://web.facebook.com/prbangkok/photos/pcb.3165063016926631/3165062413593358
#Brief #TheMATTER