กลุ่มโยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย ที่เปลี่ยนชื่อมาจากกลุ่มย้ายประเทศกันเถอะ โดนปิดกะทันหัน โดยเบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่าใครเป็นผู้แจ้งปิด ขณะที่หลายคนพุ่งเป้าไปที่หน่วยงานของรัฐ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ระบุว่าที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนว่าเนื้อหาในกลุ่มเข้าข่ายผิดกฎหมาย สร้างความเกลียดชัง แตกแยก และดูหมิ่นสถาบัน
ชัยวุฒิยังระบุว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ได้มีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามการกระทำผิด ซึ่งหากพบว่าเนื้อหาในกลุ่มเข้าข่ายผิดกฎหมายจริง ก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่า กระทรวงดิจิทัลฯ เป็นผู้ดำเนินการหรือเกี่ยวข้องกับการปิดกลุ่มหรือไม่ ต้องรอแถลงการณ์ชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งในภายหลัง
ทั้งนี้ แม้กลุ่มเดิมจะถูกปิดไป แต่ผู้ก่อตั้งกลุ่มเองยืนยันจะเดินหน้าสร้างพื้นที่เพื่อแชร์ประสบการณ์การเดินทางไปต่างประเทศต่อไป โดยล่าสุด ได้มีการจัดตั้งกลุ่ม ‘โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย V2’ ขึ้นมาใหม่ พร้อมโพสต์ข้อความว่า
“ข้อมูลถูกลบก็สร้างใหม่ได้ ไม่มีอะไรทำลายความต้องใจของพวกเราได้ อย่าหมดหวัง พยายามต่อไปตารางบรรยาย คลาสเรียนทุกอย่าง ยังเหมือนเดิม Website กำลังจะเสร็จ จด Domain ต่างประเทศรับรองข้อมูลไม่มีหายแน่นอน ไม่ต้องห่วงน้า อดใจรอกันซักแปป ตอนนี้มาใช้ในนี้กันไปก่อนไม่ต้องโมโหมาก ประเทศเฮงซวยก็แบบนี้แหละ”
พร้อมกันนี้ สมาชิกในกลุ่มใหม่ก็เรียกร้องให้มีการตรวจสอบการปิดกลุ่มอย่างละเอียด เนื่องจากมองว่าการปิดกลุ่มที่มีสมาชิกหลักล้านคนเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถทำได้โดยง่าย ขณะที่บางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ว่าการปิดกลุ่มเป็นการจำกัดการแสดงความคิดเห็น ลดทอนสิทธิพึงมี ใช้อำนาจเบื้องหลังในการจัดการผู้เห็นต่าง ซึ่งไม่ใช่หลักการที่ถูกต้องตามประชาธิปไตย จึงควรมีการสอบสวนอย่างเข้มงวด
อัพเดตล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. กลุ่มโยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย กลับมาใช้งานได้ปกติแล้ว โดยผู้ก่อตั้งกลุ่มสันนิษฐานว่า กลุ่มโดน Report เนื่องจากมีการโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับกัญชา และการขายบริการ จึงขอระงับโพสต์ที่มีความข้อความสุ่มเสี่ยง พร้อมยืนยันว่าการระงับโพสต์ไม่ได้มีเจตนาปิดกั้น หรือไม่ให้ความสำคัญกับกลุ่มอาชีพใดอาชีพหนึ่ง แต่เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิงจาก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2083916
https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-662031