21 ปียังไม่สาย เป็นอีกหนึ่งคดีอื้อฉาวที่ทั่วโลกสนใจ สำหรับกรณีหญิงชาวสหรัฐฯ คนหนึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ‘เจ้าชายแอนดรูว์’ พระโอรสองค์ที่ 2 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยระบุว่า สมาชิกราชวงศ์อังกฤษคนนี้ได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอเมื่อ 21 ปีก่อน ซึ่งขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 17 ปี และยังไม่บรรลุนิติภาวะ
การยื่นฟ้องเจ้าชายแห่งอังกฤษด้วยคดีสุดฉาว เปรียบเหมือนหินที่มากระทบน้ำสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงราชวงศ์อังกฤษที่ถูกจับจ้องเป็นพิเศษ จนนำมาสู่การตัดสินใจถอดยศทหารของเจ้าชายแอนดรูว์ รวมถึงหยุดใช้ตำแหน่ง ‘เจ้าฟ้า’ เพื่อให้กลับไปสู้คดีในฐานะ ‘สามัญชน’ ซึ่งที่มาที่ไปทั้งหมดจะเป็นอย่างไรให้ The MATTER จะมาสรุปให้อ่านกัน
- เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก พระโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบิร์ก ผู้ทรงอยู่ในอันดับที่ 8 ของลำดับการสืบสันตติวงศ์ ได้ตกเป็นพัวพันกับคดีทางเพศมาพักใหญ่ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2022
- เมื่อราวสุดอื้อฉาวของเจ้าชายแห่งอังกฤษเริ่มอยู่ในความสนใจของมวลชนในปี ค.ศ.2019 หลังสื่ออังกฤษสำนักต่างๆ ได้ออกมาประโคมข่าวว่า พระองค์เป็นเพื่อนสนิทกับ ‘เจฟฟรีย์ เอปสไตน์’ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐฯ ที่ถูกตัดสินจำคุกด้วยข้อหาค้าประเวณีเด็ก ซึ่งท้ายที่สุด เขาจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตายในเรือนจำ
- เล่าคร่าวๆ ก่อนว่า เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ เป็นหนึ่งในอาชญากรที่พลเมืองสหรัฐฯ รู้จักกันดีในฐานะ ‘พ่อค้าเซ็กซ์’
จากเด็กเรียนไม่จบ สู่การเป็นครู และไต่เต้ามาจนเป็นมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งทำให้เขาได้รับการชื่นชมอย่างมาก นอกจากนี้เขายังเป็นมีสหายเป็นผู้มีอิทธิพลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เจ้าชายจากซาอุดีอาระเบีย, อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงเจ้าชายแอนดรูว์
แต่แล้วในปี ค.ศ.2019 เอปสไตน์ก็เผชิญกับการตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศหลายคดี อย่างไรก็ตาม ด้วยอิทธิพลอันท่วมท้นของเขาทำให้เขาได้รับโทษน้อยกว่าที่ควรจะเป็น และได้ออกมาใช้ชีวิตแสนสุขสบายข้างนอกอีกครั้ง
แต่โอกาสในการใช้ชีวิตนอกตารางครั้งที่ 2 ของเขากลับไม่ยั่งยืน เพราะไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำอีกครั้ง โดยที่อิทธิพลและเงินของเขาไม่สามารถช่วยเหลือได้ จนท้ายที่สุด เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ท่ามกลางความสงสัยของใครหลายคนว่า “เรือนจำบกพร่องขนาดปล่อยให้เขาฆ่าตัวตายเชียวหรือ?”
อ่านเรื่องราวของ เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ พ่อค้าเซ็กส์ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thematter.co/thinkers/behind-the-death-of-jeffrey-epstein/83021
- กลับมาที่ประเด็นของเจ้าชายแอนดรูว์ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ดยุกแห่งยอร์กเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลที่เอปสไตน์สนิทชิดเชื้อด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่เอปสไตน์จะถูกส่งเข้าเรือนจำ (แต่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานชักชวนผู้เยาว์ไปค้าประเวณี) ก็มีภาพเจ้าชายแอนดรูว์ไปเยือนที่พักของนายหน้าค้าประเวณีคนนี้ที่กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐฯ ปล่อยออกมา
ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายไปถึงตัวเจ้าชายแอนดรูว์ จนถึงราชวงศ์อังกฤษว่ามีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มค้ามนุษย์
- แต่เรื่องคงจะจบแค่เพียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์หากเจ้าชายแอนดรูว์เป็นเพียง ‘สหาย’ ของพ่อค้ากามชื่อดัง ไม่ได้เป็นหนึ่งในบุคคลที่เอปสไตน์จัดหาเด็กสาวให้
- ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ.2015 ช่วงที่เอปสไตน์ยังต่อสู้กับคดีความผิดทางเพศ เจ้าชายแอนดรูว์เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปพัวพันกับคดีอันฉาวโฉ่เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์
ชื่อของดยุกแห่งยอร์กได้ปรากฏขึ้นในเอกสารของศาลฉบับหนึ่ง ซึ่งมี ‘เวอร์จิเนีย โรเบิร์ต จุฟเฟรย์’ เป็นโจทก์ เธอให้การต่อศาลว่าเมื่อปี ค.ศ.2001 และ 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่เธออายุเพียง 17 ปีและยังไม่บรรลุนิติภาวะ เธอถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ 3 ครั้ง และนี่ได้กลายเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ทำให้เอปสไตน์ถูกตัดสินจำคุกในที่สุด และเป็นการปิดคดีพ่อค้าเซ็กส์ชื่อดังของสหรัฐฯ
- แม้คดีของเอปสไตน์อาจจะจบ แต่มหากาพย์ของจุฟเฟรย์ กับเจ้าชายแอนดรูว์กลับปะทุขึ้นมาอีกครั้งหลังจากนั้น 4 ปี
โดยในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2019 จุฟเฟรย์ก็นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงยังไม่บรรลุนิติภาวะของเธอกลับมาสู่กระบวนยุติธรรมอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เธอมุ่งเป้ายื่นฟ้องเจ้าชายแอนดรูว์ตรงๆ พร้อมเปิดเผยรูปถ่ายที่เธอถ่ายร่วมกับดยุกแห่งยอร์กเมื่อปี ค.ศ.2001 เพื่อยืนยันว่าทั้งคู่เคยพบกันจริงๆ
- หลังจากการยื่นฟ้องในเดือนสิงหาคม ดยุกแห่งยอร์กก็ถูกวิจารณ์อย่างหนัก จนเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน พระองค์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ถึงประเด็นที่พระองค์เป็นเพื่อนกับเอปสไตน์ (ซึ่งขณะนั้นพ่อค้ากามคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว) และเรื่องมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า เขารู้สึกเสียใจที่ทำให้ราชวงศ์ผิดหวัง และรู้สึกว่าตัวเองคิดน้อยเกินไปที่ไปหาเอปสไตน์ที่บ้าน
ส่วนประเด็นมีเพศสัมพันธ์กับจุฟเฟรย์ ดยุกแห่งยอร์กระบุว่า เขาจำไม่ได้ว่าเคยพบเธอมาก่อน พร้อมทั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ ที่จุฟเฟรย์อ้างว่าเขาทำกับเธอเมื่อตอนเจอกัน
ถ้อยคำสัมภาษณ์ของดยุกแห่งยอร์กที่ถูกเผยแพร่ออกไปไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของพระองค์ดีขึ้นเลย แต่กลับโดนวิจารณ์หนักขึ้นกว่าเดิมถึงการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จนเจ้าชายแอนดรูว์ตัดสินใจประกาศพักการประกอบพระราชกรณียกิจทุกอย่างจนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ พร้อมยืนยันว่าให้ความร่วมมือกับการสืบสวนทั้งหมดอย่างเต็มที่
- หลังจากการสัมภาษณ์ในครั้งนั้น เส้นทางการดำเนินคดีก็ดำเนินต่อไป จนกระทั่งเดือนสิงหาคม ค.ศ.2021 เจ้าชายแอนดรูว์ถูกฟ้องร้องทางแพ่งต่อศาลแขวงสหรัฐฯ ในแมนฮัตตัน ดังนั้น พระองค์จะต้องเดินทางไปขึ้นศาลที่ประเทศสหรัฐฯ
ขณะที่โจทก์อย่างจุฟเฟรย์ระบุว่า เธอต้องการแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ผู้มีอำนาจหรือมหาเศรษฐีก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
- หลังจากนั้นศาลได้นัดตรวจพยาน โดยมีหลักฐานหนึ่งที่น่าสนใจคือ ‘เอกสารยอมความในปี 2009’ ซึ่งเป็นข้อตกลงของจุฟเฟรย์ และเอปสไตน์ ที่ระบุว่า จุฟเฟรย์จะรับเงินจำนวน 370,000 ปอนด์ หรือราวๆ 16 ล้านบาทมาจากมหาเศรษฐีนักค้ากาม แลกกับการไม่ฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเอปสไตน์ ซึ่งทนายของเจ้าชายแอนดรูว์ระบุว่า เอกสารนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า จุฟเฟรย์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ
แต่ท้ายที่สุด ศาลสหรัฐฯ ก็ประกาศรับฟ้องคดีดังกล่าว โดยระบุว่า หนังสือสัญญายอมความจะส่งผลเฉพาะคู่สัญญาคือ ‘จุฟเฟรย์’ และ ‘เอปสไตน์’ เท่านั้น นั่นหมายความว่าเจ้าชายแอนดรูว์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีครั้งนี้ไปได้
- หลังจากศาลสหรัฐฯ ประกาศรับฟ้อง ในอังกฤษก็มีกระแสเรียกร้องให้ถอดยศทางทหารของเจ้าชายแอนดรูว์ โดยทหารผ่านศึกกว่า 100 คนได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้ราชวงศ์อังกฤษปลดดยุกแห่งยอร์กออกจากยศทางทหารทั้ง 8 ตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งพันเอกแห่งกองทหารราบ เกรเนเดียร์ การ์ด (Grenadier Guards) ซึ่งเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่อาวุโสที่สุดของกองทัพอังกฤษด้วย
- ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน สำนักพระราชวังบักกิงแฮมก็ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า ตำแหน่งทางกองทัพ ไปจนถึงหน่วยงานในพระอุปถัมภ์ของเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก จะถูกโอนคืนสู่สมเด็จพระราชินี ซึ่งระหว่างนี้ เจ้าชายแอนดรูว์จะไม่ปฏิบัติพระกรณียกิจใดๆ และจะต่อสู้คดีในฐานะของสามัญชน
นอกจากนี้ สำนักข่าว BBC ยังรายงาน เจ้าชายแอนดรูว์จะยุติการใช้ตำแหน่ง ‘เจ้าฟ้า’ หรือ ‘His Royal Highness’ ด้วย
แม้ศาลสหรัฐฯ จะรับฟ้องแล้ว แต่คาดว่าผลการพิจารณาคดีคงไม่ออกมาเร็วๆ นี้ ซึ่งเราต้องมาติดตามกันต่อไปว่า ผลการตัดสินคดีจะออกมาในทิศทางไหน และท่าทีของทั้งโจทก์และจำเลยจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเจ้าชายแอนดรูว์ที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่ทั่วโลกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้
อ้างอิงจาก
https://thematter.co/thinkers/behind-the-death-of-jeffrey-epstein/83021
https://www.bbc.com/news/uk-59987935
https://www.bbc.com/news/uk-58153711
https://nypost.com/2020/12/14/prince-andrew-stayed-at-epsteins-nyc-mansion-despite-denial/
https://www.theguardian.com/uk-news/2022/jan/12/prince-andrew-case-proceed-latest-ruling-virginia-giuffre
https://prachatai.com/journal/2022/01/96789
#RECAP #TheMATTER