นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ค้นพบซากฟอลซิลไดโนเสาร์สภาพดี ที่แหล่งขุดซากดึกดำบรรพ์ทานิส ในรัฐนอร์ท ดาโกตา พร้อมระบุว่าเจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้เป็นเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุดาวเคราะห์น้อยชนโลกเมื่อ 66 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นจุดจบของเผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ของโลก
อย่างที่กล่าวไป ฟอลซิไดโนเสาร์ที่นักวิทศาสตร์เปิดเผยนั้นอยู่ในสภาพดีมาก ยังมีผิวหนังบางส่วนติดอยู่ ซึ่งศาสตราจารย์พอล บาเร็ท (Paul Barrett) จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในลอนดอนบอกว่ามันคือโครงกระดูกของเธสเซโรซอรัส (Thescelosaurus) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เคยมีบันทึกว่าผิวหนังของมันมีลักษณะอย่างไร
แต่การค้นพบครั้งนี้เป็นจิ๊กซอว์ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้รู้จักเธสเซโรซอรัส มากขึ้นและรู้ว่าผิวหนังของมันมีเกล็ดเหมือนกิ้งก่า ไม่มีขนหมือนไดโนเสาร์กินเนื้อในยุคเดียวกัน
ศาสตราจารย์พอล สันนิษฐานว่าไดโนเสาร์เจ้าของโครงกระดูกนี้น่าจะตายอย่างรวดเร็ว สังเกตจากลักษณะการฉีกขาดบริเวณขา ประกอบกับไม่พบหลักฐานว่ามีโรคเกี่ยวกับขาที่ชัดเจน รวมถึงรอยกัดใดๆ ซึ่งเหตุผลเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทีมขุดฟอสซิลที่ทานิสสรุปว่า มันน่าจะตายจากเหตุการณ์ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก พร้อมบอกว่าด้วยนี่น่าจะเป็นฟอสซิลไดโนเสาร์ชิ้นแรกที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์นั้น
นอกจากการค้นพบซากไดโนเสาร์ที่เชื่อมโยงกับเหตุดาวเคราะห์น้อยชนโลก นักวิทยาศาสตร์ยังเปิดเผยเรื่องราวของปลาสเตอร์เจียนและปลาแพดเดิลฟิชที่หายใจเอาเศษซากดาวเคราะห์ขนาดเล็กเข้าไปและทิ้งหลักฐานอยู่ที่เหงือก โพรงของสัตว์ขนาดเล็ก ตัวอ่อนของเทอโรซอร์ที่ยังอยู่ในไข่ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจเหตุการณ์ล้างเผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์เมื่อหลายสิบล้านปีก่อน
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/science-environment-61013740
#Brief #TheMATTER