ถือเป็นมหากาพย์ที่กินเวลานานกว่า 14 ปี! หลังเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา อิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมถูกศาลอาญาฯ ออกหมายจับ เหตุไม่เดินทางมาตามนัดส่งตัวของศาลในคดี ‘ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย’
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยาเมื่อปี 2008 แต่คดีดังกล่าวใช้เวลาสอบสวนนานถึง 14 ปี และศาลเพิ่งจะสั่งฟ้องก่อนคดีหมดอายุความไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์หรือในวันที่ 10 กันยายนที่จะถึงนี้
ดังนั้น วันนี้ The MATTER จะพาทุกคนย้อนไปดูคดีดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง
1. ช่วงปี 2008 บริษัท บาลี ฮาย จำกัด ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารในเมืองพัทยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวอเตอร์ฟรอนท์ พัทยา (Waterfront Pattaya) ที่ประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียม 53 ชั้น และโรงแรม 20 ชั้น จำนวน 315 ห้อง ทั้งหมดมีพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น 38,500 ตารางเมตร โดยจะตั้งอยู่บริเวณแหลมบาลีฮาย ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
หลังจากนั้นไม่นาน (10 กันยายน 2008) อิทธิพล คุณปลื้ม ขณะดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยาและพวกได้ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้แก่บริษัทดังกล่าว แต่กว่าบริษัทจะเริ่มก่อสร้างอาคารก็ปาไปปี 2013 แล้ว
2. อย่างไรก็ดี ระหว่างที่โครงการนี้กำลังถูกสร้าง เจ้าหน้าที่เมืองพัทยาได้เข้าไปตรวจสอบการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนทราบว่ามีการก่อสร้างอาคารผิดรูปแบบจากที่ขออนุญาตไว้ต่อทางคณะกรรมการนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เช่น บันไดหนีไฟและช่องลิฟต์ในตัวอาคาร
ดังนั้น โครงการจึงได้รับคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างไว้ก่อนเป็นเวลา 45 วัน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2014 เพื่อให้เอกชนเข้ามาตรวจสอบและให้ผู้ดำเนินการก่อสร้างทำการแก้ไขให้ถูกต้องตามที่ขออนุญาตไว้
3. ทั้งนี้ ทางการพบว่าบริษัทเจ้าของโครงการดังกล่าวมีการลักลอบต่อเติมอาคาร ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้ระงับการก่อสร้าง ไม่เพียงเท่านั้น โครงการนี้ยังได้รับการวิจารณ์อย่างกว้างขวางจากภาคประชาชนในพื้นที่และโลกโซเชียลถึงความไม่เหมาะสม เนื่องจากอาคารได้บดบังทัศนียภาพ
ทว่าวันที่ 18 สิงหาคม 2014 อิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาในขณะนั้นออกมาแถลงต่อกรณีดังกล่าวว่า “อาคารนี้ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องและผ่านรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว”
4. ต่อมาปลายปี 2014 เจ้าของโครงการจำเป็นต้องยืนยันกับทางการของเมืองพัทยาว่า พวกเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดตามกฎหมาย เช่น ลดระดับความสูงของอาคารลง 8 ชั้น เพื่อลดผลกระทบต่อภาคประชาชนที่ยังต่อต้านโครงการนี้อย่างหนักด้วยเหตุที่ว่า บดบังภูมิทัศน์และยังตั้งขวางแนวบรมนุสาวรีย์ฯ บนเขาอีกด้วย
อย่างไรดี ขณะที่โครงการยังไม่ถูกอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างต่อ ทางการพัทยามีการเข้าแจ้งความต่อบริษัท บาลี ฮาย จำกัด เจ้าของโครงการดังกล่าว ซึ่งมีทั้งหมด 2 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่, บุกรุกพื้นที่สาธารณะ
5. ถัดมาประมาณ 3 ปี อภิชาต วีปรปาล รองนายกเมืองพัทยา ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยคสช. ได้ออกคำสั่งให้ทำการรื้อถอนอาคารนี้ แต่จวบจนปัจจุบันการดำเนินการยังอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำข้อกำหนดโครงการ (TOR) ที่จะช่วยกำหนดคุณสมบัติของผู้รับจ้างและงบประมาณที่จะใช้ในการรื้อถอน
นอกจากนี้ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ และกรมโยธาธิการยังหารือร่วมกันเกี่ยวกับกลุ่มกฎหมายอยู่ แต่กระนั้นกลุ่มผู้ซื้อห้องจากโครงการนี้ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความเสียหาย ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว บริษัทดังกล่าวจำเป็นต้องยื่นล้มละลาย
6. แต่เจ้าของโครงการวอร์เตอร์ฟรอนท์ฯ ได้ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างต่อจากเมืองพัทยาอีกครั้งเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2021 โดยระบุว่า ได้ทำการรื้อถอนอาคารบริเวณด้านหน้าที่มีแนวเชื่อมต่อกับอาคารสูงจากระยะ 90 เมตรให้เหลือ 60 เมตรแล้ว ทำให้บริเวณของโครงการไม่ได้ติดกับถนนสาธารณะทั้ง 2 ฝั่ง (ส่วนนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของโครงการ)
7. อย่างไรก็ตาม ทางสำนักการช่างเมืองพัทยาเผยว่า เมืองพัทยาไม่สามารถอนุญาตให้ทำได้ เนื่องจากหลังจากการตรวจสอบแนวผังที่ดินพบว่าบริเวณด้านหน้าของอาคารที่ติดกับลานท่าเทียบเรือพัทยาใต้นั้นยังมีที่ดินของโครงการขวางอยู่ตลอดแนวอยู่ดี
กระทั่งวันที่ 27 ตุลาคม 2021 สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาออกประกาศเชิญชวนภาคเอกชนร่วมเสนอราคาและวิธีการรื้อถอนอาคารอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า “เมืองพัทยาจำเป็นต้องดำเนินการรื้อถอนอาคารจากโครงการวอเตอร์ฟรอนท์ฯ เนื่องจากก่อสร้างผิดแบบจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต”
8. อย่างไรก็ดี เมื่อ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า อิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยากับพวกมีส่วนเกี่ยวข้องในความผิดออกใบอนุญาตและการต่อใบอนุญาตก่อสร้างของโครงการวอเตอร์ฟรอนท์ฯ อีกครั้งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ออกใบอนุญาตครั้งที่ 2 คือ วุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยาที่ขณะนั้นรักษาราชการแทน
9. ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงพิจารณาความผิดและมีมติแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นดังนี้
– ประเด็นที่ 1 กรณีมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการอนุญาตก่อสร้างอาคารหรือไม่ ผลที่ได้คือ การกระทำของอิทธิพล คุณปลื้ม ไม่มีมูลความผิดทางอาญา จึงให้ข้อกล่าวหานี้ตกไป
– ประเด็นที่ 2 การพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยมิชอบด้วยกฎหมายซึ่งผลปรากฏว่า การกระทำของอิทธิพลผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และยังมีความผิดฐานปฏิบัติการในทางที่อาจนำมาซึ่งความเสียหายแก่เมืองพัทยาหรือกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 มาตรา 96
– ประเด็นที่ 3 การพิจารณาต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ ที่รักษาราชการแทนนายกเมืองพัทยา ซึ่งสรุปได้ว่าเขาก็มีความผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนกฎหมายฯ พ.ศ. 2542 มาตรา 96
10. คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงส่งสำนวนให้อัยการฯ ในวันที่ 3 สิงหาคม และเมื่อวันอังคาร (5 กันยายน) ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ก็มีคำสั่งออกหมายจับอิทธิพล คุณปลื้ม เนื่องจากเขาไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการฯ ตามเวลาที่กำหนด แต่เขาก็ไม่มาปรากฏตัวอยู่ดี จนตำรวจซึ่งนำโดย พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ บุกค้นบ้านของอิทธิพล แต่ไม่พบตัว
ทั้งนี้ หลายคนคาดว่า อิทธิพลน่าจะไหวตัวทันเนื่องจากมีหลักฐานยืนยันว่า เขาพร้อมกับพวกอีก 2 คนที่ถูกออกหมายจับในคดีเดียวกันได้เดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีจุดปลายทางคือ ประเทศกัมพูชา
11. และล่าสุดวันนี้ (7 กันยายน) โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา คำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดให้ป.ป.ช. เพื่อขอให้ดำเนินการออกหมายจับใหม่ โดยไม่ให้มีการนับอายุความ เนื่องจากอิทธิพลและพวกทำการหลบหนี
ดังนั้น ยังต้องติดตามต่อไปว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ มีผู้คนมากมายต่างออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ในทำนองเดียวกันว่า ทำไม ป.ป.ช.ใช้เวลาในการสอบสวนเรื่องนี้เกือบ 15 ปี แล้วทำไมถึงเลือกที่จะสั่งฟ้องไม่กี่วันก่อนที่คดีจะหมดอายุความ ไม่เพียงเท่านี้ คนบางส่วนยังสงสัยว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาที่มีคดีหมดอายุความแล้วได้จริงหรือ
อ้างอิงจาก