วันนี้ (11 กันยายน) ภายหลังนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน แถลงนโยบาย อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายถึง นโยบายการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือคำที่รัฐบาลใช้ว่า ‘soft power’ โดยเฉพาะโครงการ ‘1 ครอบครัว 1 ทักษะ Soft Power’ ซึ่งเขาระบุว่าทำให้ตั้งคำถามหลายคำถาม
ประเด็นคำถามหนึ่งที่อภิสิทธิ์อภิปรายถึง สำหรับนโยบายนี้ คือ คำว่า ‘1 ครอบครัว’ ดูจะตีความจากจำนวนครอบครัวตามทะเบียน ซึ่งมีประมาณ 21 ล้านครอบครัว ขณะที่รัฐบาลก็เขียนไว้ 20 ล้านครอบครัว ซึ่งใน 20 ล้านครอบครัว จะสร้างรายได้อย่างน้อย 2 แสนบาท ต่อคน ต่อปี สร้างงานได้ 20 ล้านตำแหน่ง
“ทำไมเราถึงเริ่มต้นโครงการ ด้วยการทำจำนวนมหาศาล คือ 20 ล้านตำแหน่ง”
เพราะเขาอธิบายว่า หลักคิดของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ การเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ โดยการทำน้อย แต่ให้ได้มาก และพยายามให้ความสำคัญกับต้นแบบ แต่หลังจากนั้น จะใช้วิธี ‘duplicate’ หรือทำซ้ำ โดยเฉพาะในปัจจุบัน จะใช้วิธีทางดิจิทัล เพื่อทำซ้ำให้กระจายตัวไปได้เร็วขึ้น
“ถ้าเราเริ่มต้นชีวิตด้วยการหาแรงงาน 20 ล้านคน มันก็เหมือนกับการเปิดโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ต่างกับเมื่อร้อยปีที่แล้ว ตอนที่เราทำปฏิวัติอุตสาหกรรม” อภิสิทธิ์กล่าว
นอกจากนี้ เขายังระบุว่า ไทยมี พ.ร.บ.หลายฉบับ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ 6 ฉบับ ที่กีดขวางเสรีภาพการแสดงออกของคนทำงานสร้างสรรค์ ด้วยเหตุผล คือ ขัดกับศีลธรรมอันดี หรือขัดกับความมั่นคง
“สิทธิเสรีภาพการแสดงออกของคนทำงานสร้างสรรค์ โดยธรรมชาติของคนทำงานสร้างสรรค์ อยากจะทำงานสร้างสรรค์ที่ไม่ซ้ำจากคนเดิม แปลกจากคนเก่า คิดออกนอกกรอบ หรือบางทีก็ทำอะไรที่มันค้านสายตากับคนอื่น แต่สิ่งเหล่านี้มันอาศัยบริบททางกฎหมาย มันอาศัยบริบทของสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เจริญรุดหน้า
“เรามีตัวอย่างว่าหนังไม่ต่ำกว่า 15 เรื่อง ที่ถูกเซ็นเซอร์ห้ามฉาย เรามีเกม หลายท่านอาจจะคงได้ยิน Home Sweet Home ที่เราไม่สามารถ access เข้าไปเล่นได้ เรามีเพลงที่เมื่อก่อนเราเคยได้ยิน ‘ประเทศกูมี’ แล้วท้ายที่สุด ก็ถูกส่วนราชการฟ้อง เราก็ไม่สามารถเข้าไปในเพลงเหล่านี้ได้”
อีกประเด็นสุดท้ายที่อภิสิทธิ์ฝากไว้ คือ สวัสดิการของคนทำงานสร้างสรรค์
“ปัจจุบันเรามีคนที่ทำงานสร้างสรรค์อยู่ 980,000 คน ถ้าเราบวกคนอีก 20 ล้านคนเข้าไป คำถามผมก็คือ สวัสดิการ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเหล่านี้ จะอยู่กันได้ด้วยอะไรบ้าง เพราะแรงงานเป็นพื้นฐานสำคัญมากของฝั่งผู้ผลิต เป็นฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่เรากลับไม่พูดถึงสวัสดิการของพวกเขาเหล่านั้น
“โดยเฉพาะใน 60% ของแรงงาน คือประมาณ 600,000 คนของตัวเลขปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ในระบบการจ้าง ไม่มีสัญญาจ้าง โดนละเมิดสิทธิในการทำงาน การทำงานเกินเวลา การได้ค่าจ้างไม่เป็นธรรม สภาพการทำงานที่เสี่ยงกับอันตรายจนถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในอาชีพใหม่ๆ ที่เราเรียกว่าอาชีพรับจ้างอิสระ หรือฟรีแลนซ์ ที่คนรุ่นใหม่ทำอยู่จำนวนสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”