‘โห่ร้อง ครวญคราง ทำเสียงแหลม’ คือเสียงของวาฬหลังค่อมที่โต้ตอบกลับกับมนุษย์ที่พยายามติดต่อพวกมัน
นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน SETI หรือ องค์การค้นหาสิ่งมีชีวิตอันทรงภูมิปัญญานอกโลก ระบุว่า พวกเขาสนทนากับวาฬหลังค่อมในอลาสกาได้สำเร็จ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการหาวิธีสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวต่อไป
โจซี่ ฮับบาร์ด นักวิจัยของ SETI และนักพฤติกรรมสัตว์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส บอกว่า “วาฬเป็นตัวแทนของมนุษย์ต่างดาว … พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาด ที่มีภาษาที่แปลกไปสำหรับมนุษย์” ซึ่งเธอมองว่าการเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับวาฬ จะช่วยให้พร้อมกับการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้
พวกเขาทำการทดลองโดยการให้ตัวแทนคนหนึ่งเลียนแบบเสียงของวาฬหลังค่อมกับวาฬอื่นๆ นอกชายฝั่งอลาสกาเสมือนกำลังคุยกับพวกมัน และมีการโต้ตอบกันถึง 36 ครั้งใน 20 นาที ซึ่งลิซ่า วอล์คเกอร์ นักวิจัยของ SETI และนักทฤษฎีเสียงเพลงแห่งวาฬบอกว่า ความหมายของการพูดคุยนี้ อาจจะเป็นแค่การทักทายกันไปมาก็ได้ แต่ก็ถือเป็นการสื่อสารอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี ลิซ่าบอกว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพยายามหาคำตอบว่าเสียงร้องของวาฬนั้นหมายถึงอะไร เพราะพวกมันทำเสียงที่น่าสนใจอย่างการโห่ร้อง ครวญคราง ทำเสียงแหลม และภาษาของพวกมันนั้นซับซ้อน โดยโจซี่เชื่อว่าวิธีที่วาฬร้องหากันนั้น น่าจะเป็นวิธีการกำหนดตำแหน่งของกันและกัน
“นี่เป็นครั้งแรกที่มนุษย์กับวาฬหลังค่อมได้สื่อสารกันในภาษาของวาฬหลังค่อม” เบรนดา แมคโคแวน นักวิจัยด้านพฤติกรรมของศูนย์วิจัย UC Davis กล่าว ซึ่งนี่ถือเป็นความพยายามแรกๆ ที่พยายามจะคุยกับสิ่งมีชีวิตออันชาญฉลาดอื่นๆ โดยลอแรนซ์ ดอลล์ นักวิจัยของ SETI เสริมว่า แม้จะยังมีข้อจำกัดทางเทคโนโลยี แต่การติดต่อกับวาฬหลังค่อมได้ในครั้งนี้ ก็เป็นข้อพิสูจน์หนึ่งของสมมติฐานที่ว่ามนุษย์ต่างดาวสนใจติดต่อกับมนุษย์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ SETI พยายามจะไขความลับของจักรวาล โดยก่อนหน้านี้ในปี 2566 SETI เคยแถลงข่าวว่าพบสัญญาณวิทยุที่ถูกส่งมาจากนอกโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งมาจากนักดาราศาสตร์ของ SETI เอง แต่ทำไปเพื่อ ‘จำลอง’ การรับสัญญาณจากต่างดาว เพื่อที่เวลามีสัญญาณส่งมาจากมนุษย์ต่างดาวจริงๆ เราจะได้สามารถแยกแยะมันออกจากสัญญาณวิทยุอื่นๆ มากมายในเอกภพได้
จึงต้องติดตามความพยายามของมนุษย์โลกในการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวต่อไป ว่าแท้จริงแล้ว ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ และมนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดทางเทคโนโลยีเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ได้เมื่อไร
อ้างอิงจาก