จิมมี คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 39 จากพรรคเดโมแครต เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2002 และยังถือเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่อายุยืนที่สุด ได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้วด้วยวัย 100 ปี ณ บ้านพักในเพลนส์ รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2024 ตามเวลาท้องถิ่น
ศูนย์คาร์เตอร์ในแอตแลนตา ได้แถลงถึงการเสียชีวิตของเขา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเพียงไม่ถึง 3 เดือนก่อนเท่านั้น ที่คาร์เตอร์เพิ่งได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่อายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา และเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนแรกที่อายุครบ 100 ปี โดยเขาได้เริ่มรับการดูแลแบบประคับประคองตั้งแต่ช่วง 22 เดือนที่แล้ว นับจากมีอาการป่วยด้วยโรคต่างๆ
ประธานาธิบดี ผู้นำโลก และคนทั่วไปจากทั่วโลกต่างแสดงความอาลัยถึงคาร์เตอร์ เพราะไม่เพียงแต่ผลงานตลอด 4 ปีในทำเนียบขาวที่เขาได้ฝากไว้ แต่ยังมีความพยายามตลอด 4 ทศวรรษหลังหมดสมัยประธานาธิบดี ที่เขาได้ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ เจรจาสันติภาพ และช่วยเหลือคนยากไร้
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ของทำเนียบขาว โดยมีข้อความส่วนหนึ่งว่า “ประธานาธิบดีคาร์เตอร์เป็นบุคคลที่กล้าหาญ และมีเมตตากรุณา การทำงานหนักตลอดชีวิตของเขา ทำให้เขาเป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเรา ”
ในแถลงได้สรุปผลงานสำคัญของคาร์เตอร์ไว้ ระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงพลังงานสมัยใหม่จึงได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้สมัยของคาร์เตอร์ และเขายังมุ่งมั่นกับเป้าหมายที่ต้องการให้โลกมีความยุติธรรมยิ่งขึ้น โดยเป็นผู้นำด้านการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ลงนามสนธิสัญญาคลองปานามา และเป็นตัวกลางในข้อตกลงแคมป์เดวิดอันเป็นประวัติศาสตร์ในปี 1978
นอกจากนั้น ยังรวมถึงผลงานหลังลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ทำงานหนักเพื่อสร้างสันติภาพ ทั้งก่อตั้งศูนย์คาร์เตอร์ มุ่งกำจัดโรคภัยไข้เจ็บ ให้ที่พักอาศัยแก่คนไร้บ้าน กล่าวคือเป็นการต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมในสังคม และดำเนินงานปกป้องสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ และประชาธิปไตย ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2002
ไบเดนได้สั่งให้ลดธงสหรัฐฯ ลงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาว อาคารและสถานที่สาธารณะ ฐานทัพทหาร ฐานทัพเรือ บนเรือรบ ทั่วสหรัฐฯ และดินแดนในครอบครองของสหรัฐฯ รวมถึงผู้แทนในต่างประเทศ เช่น สถานอัครราชทูต สถานกงสุล เป็นระยะเวลา 30 วันนับจากวันที่คาร์เตอร์ถึงแก่อสัญกรรม เพื่อเป็นการแสดงความอาลัย
ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ผู้ชนะการเลือกตั้งและกำลังจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปในเร็วๆ นี้ ได้แสดงความคิดเห็นต่อการถึงแก่อสัญกรรมของคาร์เตอร์ว่า “ความท้าทายที่จิมมีเผชิญในฐานะประธานาธิบดีนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของประเทศของเรา และเขาได้ทำทุกวิถีทางเพื่อปรับปรุงชีวิตของชาวอเมริกันทุกคน ด้วยเหตุนี้ เราทุกคนจึงเป็นหนี้บุญคุณต่อเขา”
อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา (Barack Obama) กล่าวสรรเสริญว่า “เขาสอนให้เราทุกคนรู้ว่าการใช้ชีวิตอย่างสง่างาม มีศักดิ์ศรี ยุติธรรม และรับใช้ผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร”
และ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W Bush) จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า “ความพยายามของเขาที่จะสร้างโลกที่ดีกว่าไว้เบื้องหลัง ไม่ได้สิ้นสุดลงพร้อมกับตำแหน่งประธานาธิบดี”
หลังจากนี้ จะมีการจัดพิธีศพในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และในวันที่ 9 มกราคม 2025 เป็นวันที่ไบเดนกำหนดให้เป็นวันไว้อาลัยแห่งชาติ โดยเชิญชวนให้ชาวอเมริกันรวมตัวเพื่อแสดงความอาลัย ณ สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของตนเอง พร้อมเชิญชวนให้ผู้คนทั่วโลกร่วมแสดงความอาลัยต่อจิมมี คาร์เตอร์ ด้วยเช่นกัน
อ้างอิงจาก