ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงจำนวนมากบนโลกออนไลน์คือเรื่องของ ‘ทราย สก๊อต’ หรือ สิรณัฐ สก๊อต (อดีต)ที่ปรึกษาอธิบดีอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งมีชื่อเสียงมาก่อนในฐานะมนุษย์เงือกและนักอนุรักษ์ทะเล
เขามีคลิปที่กลายเป็นไวรัล ขณะตักเตือนนักท่องเที่ยวที่แสดงท่าทีเหยียดเชื้อชาติ หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวว่าเขาจะถูกปลดจากตำแหน่งที่ปรึกษาฯ แต่ อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมฯ ได้ออกมาเผยในช่วงนั้นว่ายังไม่มีการปลดแต่อย่างใด เพียงแต่ตักเตือนเรื่องวิถีการทำงาน เช่น การทำภารกิจหรือถ่ายทำคอนเทนต์ที่ทำให้เจ้าหน้าที่อึดอัด
โดยเมื่อวันที่ 19 เมษายน มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ถึงอธิบดีกรม โดยเป็นข้อร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของทราย รวม 6 ข้อ โดยสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้
- มักอ้างชื่อตำแหน่งและใช้อำนาจในการสั่งเจ้าหน้าที่ให้เข้าร่วมสนับสนุนภารกิจ รวมเพลงขอใช้ยานพาหนะของอุทยานโดยไม่ขออนุญาตและไม่แจ้งล่วงหน้า
- ทีมงานต่างชาติเข้ามาร่วมกิจกรรม บินโดน ถ่ายคลิป โดยไม่ขออนุญาต และเผยแพร่ในช่องทางของตนเอง ไม่ใช่ช่องทางของอุทยาน
- ใช้คำพูดตักเตือนนักท่องเที่ยว ไกด์ คนเรือ หรือผู้ประกอบการ โดยบ่อยครั้งเป็นคำพูดดูถูกเหยียดหยาม ด้อยค่าบุคคล พาดพิงว่าอีกฝ่ายมีคุณวุฒิหรือการศึกษาต่ำกว่า
- ไม่ทราบว่ามีคุณวุฒิ ความเชี่ยวชาญ หรือผลงานเด่นชัดด้านงานทางทะเล ที่เห็นว่ามีความเหมาะสมต่อตำแหน่งที่ปรึกษา
- เนื้อหาที่เผยแพร่ทางช่องทางออนไลน์ส่วนตัวมักให้ผู้ชมเห็นถึงภาพลักษณ์ที่ดี แต่ข้อเท็จจริงคือไม่ได้ร่วมกิจกรรมตลอดงาน
- มักจะจัดกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลที่เหมือนจะเป็นการตอบสนองความต้องการของตนเองที่แอบแฝงอยู่ เช่น กิจกรรมว่ายน้ำสำรวจขยะ กิจกรรมดำน้ำลึกสำรวจปะการัง
โดยในรายงานทิ้งท้ายว่า “รายงานฉบับนี้มีเจตนาทำขึ้น โดยคำนึงถึงภาพลักษณ์ที่ดีของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช”
จนล่าสุด วันนี้ (21 เมษายน 2568) มีรายงานว่า อรรถพล ได้พิจารณาการปลดทราย สก๊อต อีกครั้ง เหตุมีพฤตกรรมไม่เหมาะสม ตักเตือนแล้ว แต่ไม่แก้ไข
นอกจากนี้ ทรายยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดย บริษัท ไทยมารีน (ภูเก็ต) จำกัด และบริษัท ไทยมารีน เอ็กคลูซีพ โวยาจ จำกัด
วรานนท์ ณ ตะกั่วกุ่ง ประธานคณะกรรมการบริษัท ไทยมารีน (ภูเก็ต) จำกัด ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดว่า ทรายได้โพสต์คลิปนักท่องเที่ยวทำกิจกรรมในน้ำที่ไม่เหมาะสม เช่น การจับสัตว์ทะเล โดยเป็นการนำคลิปจากหลายวัน หลายเหตุการณ์มารวมกัน โดยมีภาพเรือของบริษัทปรากฏอยู่ในคลิป และเขียนชื่อบริษัทในคำบรรยายคลิป จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดผลเสียหายต่อบริษัท
โดยในความเป็นจริงแล้วเรือของบริษัทได้จอดที่บริเวณหาดไม่ใช่ในทะเลลึก จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักท่องเที่ยวของบริษัทจะทำพฤติกรรมดังในคลิป
เมื่อไม่มีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอโทษ รวมถึงยังไม่มีการรับผิดชอบหรือลบคลิป บริษัทจึงต้องแจ้งความดำเนินคดีอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทและกระทำผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้กลายเป็นชื่อที่เป็นประเด็นถกเถียงบนโลกออนไลน์ ที่คนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือคนที่ให้กำลังใจด้วยเห็นว่า ทรายเป็นคนที่มีความตั้งใจในการช่วยอนุรักษ์ทะเล และสิ่งแวดล้อม ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งตั้งข้อสงสัยกับพฤติกรรมบางอย่าง รวมถึง การมองต่างมุมในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติในระยะยาว